xs
xsm
sm
md
lg

เงินในบัญชีใครก็หวง อายัดม้าหว่านแห เดือดร้อนทั้งพารา ผู้ว่าฯ "เศรษฐพุฒิ" ช่วยลงจากหอคอยงาช้าง มาดูหน่อย! ** รมว.กลาโหม คนใหม่ ทำไมต้องเป็น “บิ๊กเล็ก”!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ - พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ข่าวปนคน คนปนข่าว


++ เงินในบัญชีใครก็หวง อายัดม้าหว่านแห เดือดร้อนทั้งพารา ผู้ว่าฯ "เศรษฐพุฒิ" ช่วยลงจากหอคอยงาช้าง มาดูหน่อย!

ช่วงที่ผ่านมาได้เห็นภาพคนแห่ถอนเงินสดออกจากธนาคารกันอุตลุด ไม่ใช่เพราะเศรษฐกิจพัง หรือธนาคารจะล้ม แต่เพราะ “ความกลัว” ว่าอยู่ดีๆ เงินจะถูกอายัด หรือบัญชีถูกล็อกโดยไม่รู้สาเหตุ

ขณะที่พ่อค้าแม่ขาย ผู้ประกอบการร้านค้าย่อยไม่กล้าให้ใครสแกนจ่ายเงิน เพราะกลัวจะถูกอายัดโดยไม่รู้ตัวด้วยเหมือนกัน
เรียกว่า โกลาหลอลหม่าน เพราะ มาตรการที่เป็นต้นตอมาจากการปราบ บัญชีม้า ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ธุรกิจสีเทา ที่ฟังดูหลักการดี แต่ปัญหา คือ... การบังคับใช้ขาดความรอบคอบ!

เพราะ มีคนธรรมดาที่ไม่เกี่ยวข้องโดนหางเลข บัญชีถูกอายัด ใช้งานไม่ได้

ต้องไม่ลืมว่า โครงสร้างเงินฝากของธนาคารไทยกว่า 90% ของบัญชีเงินฝาก พบว่า มีวงเงินไม่เกิน 5 หมื่นบาท 

บางรายตื่นเช้ามาเจอยอดเงิน “ติดลบ” เพราะระบบอายัดตามคำสั่งเจ้าหน้าที่ แต่เงินในบัญชีไม่พอ เลยโชว์ตัวแดงๆเหมือนเป็นหนี้ธนาคารซะงั้น

การสื่อสารกับประชาชนช้า และไม่ชัดเจน ทำให้ข่าวลือแรงกว่าความจริง กลายเป็น “ความตื่นตระหนก” ทั่วบ้านทั่วเมือง

ถามหน่อยเถอะประชาชนผิดอะไร? คนใช้บัญชีเพื่อรับเงินเดือน โอนค่าเช่าบ้าน หรือทำมาหากินประจำวัน ต้องมาเจอแบบนี้มันยุติธรรมแล้วหรือ ?

ธปท. รีบออกมาแก้ตัวทีหลัง ว่ารู้ปัญหาแล้วแต่เพราะ“ระบบ” ที่ต้องอายัดตามคำสั่งตำรวจ และว่ามีสายด่วนให้โทร หากโทรมาแล้วจะเร่งแก้ไขให้ แต่ทั้งหมดคือ คำอธิบายหลังบ้านไฟไหม้

เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ
งานนี้ทำเอาชาวบ้านต้องประกาศหา "คนหาย" เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ที่มี"ภาพลักษณ์ "หล่อโปรไฟล์ดี ก่อนจะหมดวาระช่วยลงมาจากหอคอยงาช้าง สั่งการแก้ไขให้หน่อย

เพราะ คนเป็นผู้ว่าธปท. มีหน้าที่กำกับดูแล ต้องเป็นคนรับผิดชอบตรงๆ ต่อความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้าในคราวครั้งนี้ ไม่ใช่โยนไปให้ “ระบบ” หรือ “เจ้าหน้าที่” แล้วเงียบหาย

ประกอบกับ สิ่งที่เสียความรู้สึกไปแล้วไม่ใช่แค่บัญชีไม่กี่บัญชี แต่มันคือ “ความเชื่อมั่นของทั้งระบบการเงิน” ที่คนไทยฝากชีวิตไว้!

ถ้าวันนี้ ประชาชนเริ่มไม่มั่นใจว่าเงินตัวเองอยู่ในธนาคาร ปลอดภัยพอหรือไม่ ต่อให้แบงก์ชาติมีนโยบายการเงินเข้มแข็ง -รักษาเสถียรภาพที่ “ผู้ว่าฯเศรษฐพุฒิ” ตลอดเวลาที่อยู่ในเทอมมาท่องเป็นคัมภีร์แค่ไหนก็ไม่มีใครกล้าเชื่อถือ

ความเดือดร้อนของประชาชน คือของจริง ความรับผิดชอบต้องเป็นของแบงก์ชาติเต็มๆ

“ผู้ว่าฯเศรษฐพุฒิ” จะเพราะตัวเองกำลังจะพ้นวาระในอีกไม่กี่วันข้าง เลยทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว กับเหตุการณ์ความเดือดร้อนของประชาชนครั้งนี้ หรือไม่ !?..ไม่อาจทราบได้ แต่ความเป็นจริงเมื่อตอนนี้ยังนั่งในตำแหน่งนี้อยู่ ก็น่าจะออกโรงแสดงภาวะผู้นำ ทำอะไรให้ประชาชนได้พึ่งพาอาศัยได้มากกว่าภาพลักษณ์โปรไฟล์ที่แสดง

บทเรียนจากสองสามวันมานี้ แบงก์ชาติควรรู้ว่ามี 3 ข้อหลักๆ ที่แบงก์ชาติดูแลยังไง!? ให้ออกมา"ไม่เป็นท่า" ในมาตรการปราบ "บัญชีม้า"

ครั้นจะโทษว่า ตำรวจร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็คงไม่ได้ เพราะหนึ่งนั้นการคาดการณ์ผลกระทบย่อมรู้อยู่แล้วว่า มาตรการเข้มงวด แต่ไม่ประเมินว่า ประชาชนผู้บริสุทธิ์จะถูกกระทบหนักขนาดไหน!?

สอง การสื่อสารกับสังคม ปล่อยให้ข่าวลือไปก่อน ข้อมูลจริงตามทีหลัง โดยที่ความเชื่อมั่นพังไปแล้ว

สาม การเยียวยา เห็นได้ว่า แบงก์ชาติทำแบบ "ลิงแก้แห" ขั้นตอนปลดอายัดบัญชีช้า และ ซับซ้อน แม้ตอนหลังโดนสังคมก่นด่าหนักเข้า จะเร่งจากที่ต้องใช้เวลาเป็นวันๆ เหลือ 4-5 ชั่วโมง หลังผู้ใช้บัญชีแจกแจง ก็ต้องยอมรับกันว่า ขั้นตอนกว่าจะ "ปลดล็อก" ไม่ทันกับความเดือดร้อนของคนตัวเล็กๆ

คำถามที่ตามมา หรือ ความเดือดร้อนของประชาชนตัวเล็กๆ ร้านค้าผู้ประกอบการรายย่อยจะไม่สำคัญเท่านายทุนแบงก์ที่ ธปท.ชอบจะโอบอุ้มมากกว่า!?

ในปรัชญาการทำงาน-ความคิดของ ผู้ว่าฯเศรษฐพุฒิ..ประชาชนเคยอยู่ในความรู้สึกนึกคิดหรือไม่!?

สรุปว่า จากมาตรการปราบปรามบัญชีม้าของทางการ โดยประชาชนผู้บริสุทธิ์ ถูกธนาคารอายัดบัญชีธนาคารแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวว่าทำผิดอะไร กระบวนการปลดอายัด และชี้แจงข้อเท็จจริงยุ่งยาก ทั้งๆ ที่ตนเองไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับบัญชีม้าใดๆ ผู้กำกับที่ดี ต้องปกป้องคนธรรมดาตัวเล็กๆ ไม่ใช่สร้างเดือดร้อนแล้วค่อยออกมาแก้ตัวพัลวัน.. ส่วนบัญชีม้าจริงๆ จัดการไปได้แค่ไหน!? แบงก์ชาติก็ต้องเอามาบอกต่อสังคมด้วย

ไหนๆ อยู่อีกไม่กี่วัน ผู้ว่าฯ ช่วยจัดการปัญหานี้ให้ลุล่วงยุติธรรมที..เมื่อท่านลงจากตำแหน่งแล้วประชาชนจะได้ไม่ต้องมาตั้งคำถามว่า มีผู้ว่าแบงก์ชาติ ไว้ทำไม

พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์
++ รมว.กลาโหม คนใหม่ ทำไมต้องเป็น “บิ๊กเล็ก”!

เรื่อง “เปิดด่าน” ทำเอาทัวร์ลงกระหน่ำ จนต้องรีบออกมาแก้ตัวกันพัลวัล

ก็กรณี “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม รักษาราชการแทน รมว.กลาโหม ไปประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย–กัมพูชา หรือ จีบีซี (GBC) สมัยพิเศษ ที่เกาะกง ประเทศกัมพูชา แล้วกลับมาแถลงข่าวที่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด เมื่อวันที่10 ก.ย.ที่ผ่านมา สรุปว่าบรรลุข้อตกลง 5 ข้อ

มีเรื่องถอนอาวุธหนักออกจากชายแดนลดการเผชิญหน้า- ร่วมกันเก็บกู้ระเบิด-ปรามปรามสแกมเมอร์- แก้ปัญหาที่ดินที่บ้านหนองจาน และ เปิดด่านที่ จันทบุรี และตราด

ทั้งฝ่ายกองทัพ ประชาชน คนในโซเชียลฯ เห็นตรงกันว่าทั้ง 5 ข้อ เขมรมีแต่ได้ โดยเฉพาะ เรื่อง“เปิดด่าน”

เปิดเมื่อไหร่ คนก็ไปเข้าบ่อน เข้าไปทำงานกับแก๊งสแกมเมอร์ คอลเซนเตอร์ เขมรมีรายได้จากตรงนี้ ก็มีกำลังมาสู้รบกับเรา ดังนั้นไทยจะต้องไม่เปิดด่าน จนกว่าจะจัดการเรื่องเขตแดนเสร็จ

ที่ผ่านมา บทบาทของ “บิ๊กเล็ก” เกี่ยวกับเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา ในช่วง “รัฐบาลอิ๊งค์” เหมือนอ่อนข้อให้เขมรตลอด จนทางกองทัพที่กำลังเผชิญหน้ากับ“ศัตรู” รู้สึกขัดใจกับเรื่องแต่ละเรื่องที่ออกจากปาก “บิ๊กเล็ก”

แล้วทำไม เมื่อมาถึงยุค “อนุทิน ชาญวีรกูล”เป็นนายกฯ ในโผครม. ยังมีชื่อ “บิ๊กเล็ก” อีก แถมคราวนี้ใหญ่กว่าเดิม เป็นถึง รมว.กลาโหม

“พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์” เป็นคน จ. ราชบุรี สอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่น 20 และโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่น 31

จบมา รับราชการทหาร อยู่หน่วยรบ ร.31 รอ. นาน 8 ปี เคยเป็นผู้บังคับหมวดเครื่องยิงระเบิด ขนาด 60 มม. ร.31 พัน 2 รอ. และเคยปฏิบัติราชการสนามชายแดน ที่ อ.วัฒนานคร จ.ปราจีนบุรี

ต่อมาเข้าโรงเรียนเสนาธิการทหารบก รุ่น 71 คราวนี้ เปลี่ยนจาก “สายบู๊” เข้าสู่ “สายบุ๋น” เป็นอาจารย์ รร.เสนาธิการทหารบก , อาจารย์วิทยาลัยการทัพบก และกรมยุทธการทหารบก (ยก.ทบ.) อยู่ฝ่ายอำนวยการ มาตลอด

เป็นรองเจ้ากรมยุทธการทหารบก ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน จนเป็นเจ้ากรมยุทธการทหารบก ในปี 2558 ในยุคที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็น ผบ.ทบ.

จากนั้น 1 ปี ขึ้นเป็น รองเสนาธิการทหารบก และ อีก 1 ปีต่อมา ขึ้น พลเอก เป็น เสนาธิการทหารบก และ เป็นรองผู้บัญชาการทหารบก ในปี 2561 มีโอกาสชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ.ด้วย

แต่ดวงและวาสนา ไปไม่ถึง ผบ.ทบ.เพราะตอนนั้นคนที่เป็น เต็งหนึ่ง คือ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เพื่อนร่วมรุ่น ตท.20 จากสายคอมแมนด์ วงศ์เทวัญ น้องรักอีกคนของ “บิ๊กตู่” จากแม่ทัพภาค 1 ขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. และขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ในที่สุด

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
“บิ๊กตู่” ซึ่งตอนนั้น เป็นนายกรัฐมนตรี จึงดึงตัว “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล มาช่วยงานที่ทำเนียบรัฐบาล ในระหว่างที่ เกิดสถานการณ์โควิดฯ จึงได้รับมอบหมายให้ เป็น ผอ.ศปก.ใน ศบค. ต่อมา ก็แต่งตั้งให้เป็น เลขาธิการ สมช. ในปี2563 จนเกษียณอายุราชการ และ เป็นที่ปรึกษานายกฯ ต่อ

หลังการเลือกตั้งปี 2566 มี “ดีลลังกาวี”... มีการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว โดยพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ มี “พรรคลุง”เป็นแกนตาม ... “เศรษฐา ทวีสิน” เป็นนายกรัฐมนตรี “สุทิน คลังแสง” จากพรรคเพื่อไทย เป็นรมว.กลาโหม พลเรือน “พล.อ.ณัฐพล” ก็ได้มาเป็น เลขานุการ รมว.กลาโหม ทั้งที่แต่เดิมมีชื่อ “บิ๊กเล็ก” จะมาเป็นรมว.กลาโหม แต่พรรคเพื่อไทย ยังไม่ยอมปล่อยมือจากเก้าอี้ตัวนี้
ต่อมายุค “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร มี “ภูมิธรรม เวชยชัย” เป็นรองนายกฯ ควบรมว.กลาโหม “พล.อ.ณัฐพล” ก็มาเป็น รมช.กลาโหม และเป็นรักษาการ รมว.กลาโหม ใน “ครม.แพทองธาร 2” ช่วงที่เว้นว่าง ยังไม่ตั้ง รมว.กลาโหม

และเมื่อ “อนุทิน ชาญวีรกูล” เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ได้เปิดตัว “พล.อ.ณัฐพล” เป็น รมว.กลาโหม ท่ามกลางถูกจับตามองว่า เป็นตัวแทนจากขั้วอนุรักษ์นิยมฯ

แต่ถ้าไล่เรียง สายสัมพันธ์ดังที่ยกมาให้เห็นข้างต้นก็ต้องบอกว่า “บิ๊กเล็ก”นั้น เป็นตัวแทน “ลุงตู่” นั่นเอง

ขณะเดียวกัน ก็บอกว่า “ลุงตู่” ยังไม่ได้วางมือการเมืองเลย ยังอยู่ในสมการอำนาจตลอด ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลเพื่อไทย หรือ รัฐบาลภูมิใจไทย

นี่คือคำตอบว่าทำไม“ครม.หนู 1” จึงต้องมีชื่อ “บิ๊กเล็ก” เป็นรมว.กลาโหม


กำลังโหลดความคิดเห็น