ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ ยังไม่จบ ชั้น 14 เอฟเฟกต์ มวลชนร้องฟันเพิ่ม “ทวีสอดส่อง - ทรงศัก สายเชื้อ”
“ทักษิณ ชินวัตร” ตัวต้นเรื่อง “คดีชั้น 14” เข้าไปนอนในคุกคลองเปรมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตามคำาตัดสินของศาล เมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา
ต่อไปก็น่าจะถึงคิวข้าราชการที่เกี่ยวข้องที่มีส่วนช่วย “ทักษิณโกงคุก”ด้วยข้ออ้างว่าป่วยขั้นวิกฤต ทั้งที่จริงแล้วเป็น “ป่วยทิพย์”
เรื่องนี้มีผู้ไปยื่นร้องต่อป.ป.ช.ไว้ตั้งแต่ปีก่อนให้เอาผิดข้าราชการ12 คน แบ่งเป็น4 กลุ่ม คือกรมราชทัณฑ์3 คน ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ 2 คน เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ 3 คนและโรงพยาบาลตำารวจ 4 คน
ป.ป.ช.ได้ตั้งคณะไต่สวนเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมานี่เอง
ถ้าจะว่ากันตามสไตล์การทำางานของ ป.ป.ช. ก็ยังคาดเดาไม่ได้ว่า การไต่สวนทั้ง 12 ราย จะเสร็จเมื่อไหร่กว่าจะสรุปสำนวน ส่งไปตามขั้นตอนเพื่อให้ “7 อรหันต์ป.ป.ช.” ชี้มูล ก็ไม่รู้ว่าจะอีกกี่เดือน กี่ปี
วันก่อน (10 ก.ย.) “ภูเทพ ทวีโชติธนากุล” รองเลขาธิการ ป.ป.ช. บอกว่า จะต้องไปคัดคำสั่งศาลที่ตัดสินออกมาเมื่อวันที่ 9 ก.ย. ซึ่งจะใช้เวลาราว 5-7 วัน แล้วเอามาดูว่า ศาลระบุถึงข้าราชการคนไหนบ้างที่มีเอี่ยว
แล้วยังต้องไปไล่ดูว่า พยาน 31 ปาก ที่ศาลได้ไต่สวนไปแล้ว มีคนไหนที่ ป.ป.ช.ได้เรียกมาให้ปากคำแล้ว หรือยังไม่ได้เรียกมา
รูปการณ์ออกมาแบบนี้ เห็นทีว่าจะรออีกนาน กว่าจะรู้ว่าใครบ้างที่จะต้องตาม “นช.ทักษิณ” เข้าไปในเรือนจำ
เมื่อวาน(11 ก.ย.) คปท. และแนวร่วมทั้งกองทัพธรรม และ ศปปส. จึงได้รวมตัวกันไปยื่นหนังสือที่สำานักงานใหญ่ ป.ป.ช. สนามบินน้ำ เร่งให้สรุปสำานวนไต่สวนข้าราชการทั้ง 12 คน โดยเร็ว
แถมพ่วงให้ไต่สวนเอาผิด “ทวี สอดส่อง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมด้วย ในฐานะผู้กำกับดูแลกรมราชทัณฑ์
“พิชิต ไชยมงคล” แกนนำ คปท.บอกว่า “ทวี สอดส่อง” น่าจะผิดมาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เพราะ คปท.เคยยื่นหนังสือให้ตรวจสอบอาการป่วยของ “ทักษิณ” หลายครั้ง แต่กลับเพิกเฉย แถมยังยืนยันว่า “ทักษิณ” ป่วยวิกฤตจริง
นอกจากนี้ คปท. ยังเรียกร้องให้ดำเนินคดีเพิ่มเติมกับ “ทักษิณ” ในข้อหาเป็นตัวการหรือผู้สนับสนุนให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อช่วยเหลือตนเองไม่ให้ถูกบังคับโทษในเรือนจำ
ซึ่งหากมีความผิดตามข้อหาที่ว่านี้ “ทักษิณ” ก็อาจจะต้องนอนคุกต่อไปอีกมากกว่า 1 ปี
อีกคนที่กำลังโดนพิษคดีชั้น 14 เล่นงานไปด้วย ก็น่าจะเป็น “ทรงศัก สายเชื้อ” ผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งกำาลังมีคนล่าชื่อถอดถอนจากตำาแหน่ง โดย “วิรังรอง ทัพพะรังสี” ประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศ เป็นตัวตั้งตัวตี
ด้วยเหตุที่ “ทรงศัก สายเชื้อ” เคยตรวจสอบกรณีชั้น 14 โดยพาคณะผู้ตรวจการฯ ไปดูถึงโรงพยาบาลตำารวจ แล้วมีคำวินิจฉัยรับรองว่า “ทักษิณ ชินวัตร” ป่วยจริงและสรุปว่าเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ให้ยุติเรื่อง
แม้ต่อมาแพทยสภามีมติลงโทษแพทย์ผู้เกี่ยวข้อง 3 คน “วิรังรอง ทัพพะรังสี” ได้ไปยื่นโต้แย้งคำวินิจฉัยของ “ทรงศัก” เพื่อให้ทบทวนคำวินิจฉัย โดยอ้างอิงมติของแพทยสภาฯ แต่ก็ถูกปฏิเสธ ด้วยเหตุผลว่าผู้ร้องไม่ใช่ผู้เสียหาย
พฤติกรรมที่ส่อว่าได้ร่วมขบวนการช่วยเหลือ “นักโทษเทวดา” โกงคุกแบบนี้ “วิรังรอง ทัพพะรังสี” เห็นว่าน่าจะเข้าข่ายกระทำผิดมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง สมควรต้องถูกถอดถอน
ต้องติดตามดูว่า “ทรงศัก สายเชื้อ” จะเป็นอีกคนที่ติดร่างแหคดีชั้น 14 ด้วยหรือไม่!.
++ “แพทองธาร” พ้นเก้าอี้นายกฯ แต่ไม่พ้นวิบากกรรม!?
หลังจาก “แพทองธาร ชินวัตร” ถูกศาลรัฐธรรมนูญลงมติด้วยเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 ชี้ว่าฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ต้องพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากกรณี “คลิปเสียงฉาว” สนทนากับ “ฮุน เซน” ส่งผลให้รัฐมนตรีทั้งคณะต้องพ้นจากตำแหน่งไปด้วย
ก่อนหน้านั้น “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “นักวิ่งคดี” เชื่อว่า “แพทองธาร” จะรอด แต่ถ้าหลุดพ้นจากตำแหน่งนายกฯ ก็ดัน “ชัยเกษม นิติสิริ” ขึ้นมาแทน โดยยังจับกลุ่มขั้วเดิม ตั้งรัฐบาลใหม่ แต่พอถึงเวลาจริง ๆ เกมเปลี่ยน เมื่อพรรคกล้าธรรม กับพรรครวมไทยสร้างชาติส่วนหนึ่ง แปรพักตร์ ประกอบกับพรรคประชาชน เทคะแนนหนุนพรรคภูมิใจไทย ทำให้ “อนุทิน ชาญวีรกูล” พลิกจากฝ่ายค้าน ได้เป็นนายกรัฐมนตรี
ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินไปแล้ว แต่วิบากกรรมของ “แพทองธาร” ยังไม่จบ เพราะยังมีเรื่องร้องเรียนในประเด็นเดียวกันนี้ อยู่ในมือ ป.ป.ช. โดยกลุ่ม “สว.สีน้ำาเงิน” ได้เข้าชื่อร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ว่า การกระทำาของ “แพทองธาร” เรื่องคลิปเสียงนั้น เป็นการ
ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง และตอนนี้ ป.ป.ช. ก็ส่งคนไปขอคัดคำาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยไว้ชัดเจนแล้วว่า “แพทองธาร” ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง นำมาประกอบในสำนวนคดีด้วย
เรื่องเดียวกันนี้ ยังมี “สมชาย แสวงการ” อดีต สว. และคณะ ยื่นเรื่องต่อกองบัญชาการสอบสวนกลางให้สอบสวน “แพทองธาร” ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 บวกข้อหาด้านความมั่นคง
เบื้องต้น กองบัญชาการสอบสวนกลางได้ส่งเรื่องต่อให้ ป.ป.ช. ซึ่งมีอำานาจไต่สวน ดำาเนินการต่อแล้ว เพราะคำาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ผูกพันทุกองค์กร
ดังนั้นคงหนีไม่พ้นที่ ป.ป.ช. จะชี้มูลความผิด เช่นเดียวกับศาลรัฐธรรมนูญ ก่อนส่งเรื่องให้ศาลฎีกาตัดสินเป็นขั้นตอนสุดท้าย
ในชั้นนี้แหละ ที่จะมีโทษอาญาและการตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต เพิ่มเข้ามา
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมี “บ่วงคล้องคอ” กรณีอื่นอีก เช่น กล่าวหา “ครม.แพทองธาร” ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 กรณีโยกย้ายงบประมาณ 2568 ที่คาบเกี่ยวกับในช่วงรัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” นำไปใช้ในโครงการแจกเงินหมื่น เรื่องนี้ถ้ามีการชี้มูลความผิดออกมา นอกจากครม.ทั้งสองคณะแล้วยังมี คณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ 2568 รวมไปถึง สส. และ สว. ที่ลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบฯ 2568 ด้วย
ยังมี กรณี “ตั๋ว PN” หรือตั๋วสัญญาใช้เงิน ในการซื้อขายหุ้นกว่า 4.4 พันล้านบาทแก่บุคคลในครอบครัวของ “แพทองธาร” ที่ “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน หยิบยกขึ้นมาซักฟอกในสภาฯ ว่า เข้าข่ายทำ “นิติกรรมอำาพราง” หลบเลี่ยงการจ่ายภาษี 218.7 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของ กรมสรรพากร และ ป.ป.ช.
กรณี รีสอร์ตหรู “เทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่” ที่ถูกอภิปรายและขุดหลักฐานว่า โฉนดตั้งอยู่ในเขตพื้นที่นิคม สร้างตนเองลำตะคอง เป็นพื้นที่ต้นน้ำลำาธาร ให้สงวนหวงห้ามไว้ ไม่ให้มีการเข้าไปทำาประโยชน์ และไม่ให้ออกเอกสารสิทธิใด ๆ ปัจจุบัน
ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นเช่นกัน
และกรณี “สนามกอล์ฟอัลไพน์” ที่ถูกเพิกถอนโฉนดกลับไปเป็นที่ธรณีสงฆ์ ซึ ่งปัญหายังคาราคาซังอยู่ โดยบริษัทอัลไพน์ฯ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง ขอคุ้มครองชั่วคราว และขอให้เพิกถอนคำาสั่งเพิกถอนที่ดินดังกล่าว
ไม่เพียงเท่านั้น หลังศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ “แพทองธาร” พ้นจากนายกฯแล้ว ก็มีปัญหาตามมาว่า จะต้องพ้นจากตำแหน่ง
หัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้วยหรือไม่ เพราะถูกชี้ว่า “ผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง”
ถ้า “แพทองธาร” พ้นจากหัวหน้าพรรค คณะกรรมการบริหารพรรค ก็ต้องพ้นจากตำาแหน่งไปทั้งคณะด้วย
แต่ “ชูศักดิ์ ศิรินิล” มือกฎหมายประจำาพรรค บอกว่าพรรคไม่ได้มีข้อกำาหนดอะไรเกี่ยวกับเรื่องจริยธรรมเอาไว้
ดังนั้น “แพทองธาร” ยังเป็นหัวหน้าพรรค และหลังจากนี้พรรคเพื่อไทย ก็จะไม่มีการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ให้ “แพทองธาร” เป็นหัวหน้าพรรคเหมือนเดิม
ถึงอย่างไรเมื่อมีคนทัก ก็ต้องระวังไว้บ้าง เพราะที่ผ่านมา “ชูศักดิ์” มักตีความข้อกฎหมายแบบ “เอาใจนาย” ที่ชอบมุด
ช่องแคบ เหมือนที่เคยบอกว่า “คดีคลิปเสียง” แพทองธารไม่ผิด นั่นแหละ
แต่ไม่ว่าจะผิด จะถูกอย่างไร การเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคเพื่อไทย คงต้องหา “แม่ทัพ” คนใหม่แล้วล่ะ
แว่วว่ากำาลังทาบทาม “บุรุษผู้แกร่งสุดในปฐพี” ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. มานำาทัพ ก็รอดูว่าที่ยังอิดออดตอนนี้
เมื่อถึงเวลาแล้ว “ชัชชาติ” จะโอเค หรือไม่.