‘เพื่อไทย’ เดินหน้าผลักดันแก้ รธน. เตรียมเสนอร่างแก้หมวด 15 ก่อนทำประชามติ คาดสัปดาห์หน้ายื่นได้ จี้ทุกพรรคร่วมมือหาทางออกร่วมกัน โยนรัฐบาลตัดสินใจทำประชามติครั้งที่ 1-2 พร้อมกันหรือไม่
วันที่ 11 ก.ย.เมื่อเวลา 10.30 น. พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดยนายชูศักดิ์ ศิรินิล ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรค พร้อมสส.แกนนำพรรค แถลงกรณีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยนายชูศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อมีผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมา พรรค พท.เห็นว่าแม้มีปัญหาอุปสรรค มีขั้นตอนต่างๆ เพิ่มขึ้น รวมถึงเป็นปัญหาที่มีการถกเถียงกันอยู่ แต่พรรค พท.ในฐานะผู้ริเริ่มและติดตามการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มาตลอด เรายังยืนยันที่จะดำเนินการในเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้เป็นประชาธิปไตยต่อไป
นายชูศักดิ์ กล่าวว่า แม้จะมีอุปสรรคและขั้นตอนเพิ่มขึ้น แต่พรรคเพื่อไทยในฐานะผู้ริเริ่มและติดตามการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ยังคงยืนยันเดินหน้าผลักดันให้ได้รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย โดยเห็นว่าจำเป็นต้องเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติในหมวด 15 ว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้สามารถจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ตามกรอบกฎหมาย คาดว่าสามารถยื่นต่อรัฐสภาได้ภายในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ เมื่อผ่านการพิจารณา 3 วาระแล้ว จึงนำไปทำประชามติตามมาตรา 256 (8) ส่วนประเด็นที่ศาลวินิจฉัยว่าการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ไม่อาจทำโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) จากการเลือกตั้งโดยตรง พรรคเห็นว่าอาจต้องใช้วิธีการเลือกโดยอ้อมผ่านรัฐสภา หรือแต่งตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ของรัฐสภาแทน โดยจะตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษารายละเอียดต่อไป
สำหรับการทำประชามติซึ่งต้องมีอย่างน้อย 2 ครั้ง ปัญหาคือจะจัดทำเมื่อใด และจะควบรวมครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 หรือไม่ นายชูศักดิ์ระบุว่า เป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐบาลที่จะตัดสินใจตาม พ.ร.บ.ประชามติ และต้องอยู่ภายในกรอบเวลา 90 วัน พร้อมย้ำว่าคำถามประชามติควรมี 2 ข้อหลัก คือ 1) เห็นชอบหรือไม่ให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และ 2) เห็นชอบหรือไม่กับหลักเกณฑ์ วิธีการ และสาระสำคัญของการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ตามที่กำหนดไว้
ด้านนายจาตุรนต์ ฉายแสง กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจำเป็นต้องเสนอญัตติแก้ไขมาตรา 256 ใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และเปิดทางให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดทำรัฐธรรมนูญ พร้อมเรียกร้องให้ทุกพรรคการเมืองและรัฐบาลร่วมมือกันโดยไม่แบ่งฝักฝ่าย เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด และพิจารณาความเป็นไปได้ในการรวมประชามติ 2 ครั้งเป็นครั้งเดียว เพื่อลดระยะเวลาและค่าใช้จ่าย
เมื่อถามว่า การทำประชามติเป็นการวัดใจรัฐบาลหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า อย่าถือเป็นการวัดใจ แต่การจะทำเรื่องนี้ได้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องไปคิดว่าจะทำประชามติเมื่อไหร่ และจะทำพร้อมกันสองครั้งหรือไม่ ย้ำว่าต้องเป็นมติคณะรัฐมนตรีและคำนึงถึงระยะเวลา 90 วันด้วย ฉะนั้น หมายความว่าเป็นเรื่องรัฐบาลต้องไปคิดตัดสินใจ จะไปโดดเดี่ยว หรือว่าไม่ทำอะไรเลยไม่ได้