"บิ๊กเต่า" เผย เข้าไปสางปัญหาวัดบางคลานหลังยังพบอำนาจเก่าจุ้นตั้งเจ้าอาวาส- เรื่องเงิน 30 ล้าน-ซื้อขายพระ พบเส้นเงินโอนชื่อคนอื่น ชี้ก่อนหน้านี้ใช้หลักรัฐศาสตร์แต่ไม่สงบต้องใช้นิติศาสตร์ ดำเนินคดี
วันที่ 11 ก.ย. 2568 ที่รัฐสภา พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางไปตรวจสอบวัดหิรัญญาราม หรือวัดบางคลาน จังหวัดพิจิตร เมื่อวานนี้(10ก.ย.) ว่า เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาความขัดแย้งเมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่ก็ยังมีกลุ่มอำนาจเก่า ที่ยังคอยเลือกตัวบุคคลเลือกเจ้าอาวาสเลือกรักษาการมาทำให้เกิดความขัดแย้งอีกรอบ เราจึงพยายามไปแก้ปัญหา เมื่อวานนี้เป็นเรื่องของการร้องเรียนการทุจริต และเรื่องเงินที่หายไปประมาณ 30 กว่าล้านบาท ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาจึงจะตรวจสอบเงินดังกล่าวและเรื่องการซื้อขายพระ ที่เวลาโอนมาเป็นชื่อของคนอื่น เป็นการแก้ปัญหาวัดบางคลานให้เดินต่อไปได้ และเมื่อวานนี้มติที่ประชุมของเจ้าคณะจังหวัดและนายอำเภอ ทหาร ตำรวจ ปปง. ป.ป.ท. รวมทั้ง 18 อรหันต์มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้รองเจ้าคณะจังหวัดพิจิตรซึ่งเป็นผู้ที่ประชาชนเคารพนับถือ ให้มารักษาการแทนเจ้าอาวาสคนปัจจุบัน
เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะ เกี่ยวข้องหรือ กระทบกับใครบ้าง พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนแรกเราใช้หลักรัฐศาสตร์เข้าไปไม่ต้องการไปรื้อฟื้น แต่ต้องการให้วัดเดินหน้าไปได้ คดีต่างๆมีการยอมความสั่งไม่ฟ้องจำนวนมาก แต่ก็ยังไม่จบ เมื่อวานนี้เป็นสัญญาณที่ดี ที่คณะกรรมการทั้งหมดมีมติให้รองเจ้าคณะจังหวัดมารักษาการแทนจนกว่าจะจัดตั้งเจ้าอาวาสคนใหม่ได้ ส่วนการดำเนินคดีกับคนทุจริตก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าไม่สงบเราต้องเอานิติศาสตร์เข้าไปคือการดำเนินคดี ใครผิดก็ว่าไปตามนั้น โดยได้ตีกรอบเวลาดำเนินการไม่นาน เพราะได้ไปล่อซื้อพระแล้ว พอมีการซื้อขายโดยมีการโอนเงินปรากฏเป็นชื่อของบุคคลอื่นที่ไม่ใช่พระ ซึ่งได้รู้เส้นเงินแล้วว่า มีผู้เกี่ยวข้องแน่นอน เราอยากให้เงินทุกบาทเข้าวัดไม่อยากให้เข้าตัวบุคคล ใครเกี่ยวข้องก็จะดำเนินการตามกฎหมาย