วันนี้(10 ก.ย.) ที่รัฐสภา นายจำลอง อนันตสุข สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ และโฆษกคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและการกีฬา วุฒิสภา กล่าวถึงปัญหาและข้อกังวลการเตรียมเป็นเจ้าภาพกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 และอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพปลายปีนี้ ว่า ตอนนี้ยังไม่มีความพร้อมออกมา จึงมีความเป็นห่วงว่าจะทันหรือไม่ โดยในด้านงบประมาณ ตนกังวลว่าหากมีการเพิ่มชนิดกีฬาหรือมีค่าใช้จ่ายนอกแผนที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า อาจนำไปสู่ปัญหาการจัดสรรงบประมาณที่ไม่เป็นไปตามแผน และส่งผลกระทบต่อคุณภาพการแข่งขัน
อีกทั้งการจัดสรรงบล่าช้า จะส่งผลโดยตรงต่อการสั่งซื้อและจัดหาอุปกรณ์ หลายชนิดจำเป็นต้องนำเข้าจากต่างประเทศ และมีขั้นตอนที่ซับซ้อน หากเหลือเวลาเพียงไม่กี่เดือน จะทำให้มีโอกาสสูงที่อุปกรณ์สำคัญบางรายการจะมาถึงไม่ทันกำหนด หรือไม่มีเวลามากพอสำหรับการทดสอบและแก้ไขปัญหา ทำให้การแข่งขันอาจไม่เป็นไปตามมาตรฐาน
นอกจากนี้ จะส่งผลต่อการปรับปรุงสนามที่จะต้องให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐานสากล ถือเป็นปัญหาใหญ่ การทำงานที่ต้องเร่งรีบในเวลาที่จำกัดอาจส่งผลให้การปรับปรุงขาดความละเอียดรอบคอบ หรืออาจจะต้องตัดลดบางส่วนออกไปเพื่อให้เสร็จทันเวลา ซึ่งอาจกระทบต่อคุณภาพของสนามและความปลอดภัยของนักกีฬาโดยตรง
นายจำลอง กล่าวต่อว่า เรื่องการจัดเตรียมที่พัก ต้องจองให้นักกีฬาถึง 12,000 คน ประเด็นสำคัญคือความไม่เพียงพอของที่พัก หากการจองล่าช้า โรงแรมหรือที่พักที่มีมาตรฐานและจำนวนห้องเพียงพอในแต่ละพื้นที่อาจถูกจองเต็มจากนักท่องเที่ยวทั่วไป ทำให้ต้องหาที่พักสำรองที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่วางไว้ และอาจจะมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้น รวมถึง หากนักกีฬาต้องพักในโรงแรมที่อยู่ไกลจากสนามแข่งขัน จะส่งผลกระทบต่อตารางการฝึกซ้อมและลงแข่ง รวมถึงทำให้ค่าใช้จ่ายด้านการเดินทางเพิ่มสูงขึ้นด้วย
นายจำลอง ระบุว่า คณะอนุ กมธ. เห็นตรงกันว่าการจัดงานครั้งนี้ ขาดความการรับรู้ หากการเตรียมงานไม่คืบหน้าอย่างชัดเจนและมีข่าวเชิงลบออกมาอย่างต่อเนื่อง มองว่าจะทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่น แทนที่จะเป็นข่าวดีเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมของนักกีฬาและสนามแข่งขัน ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศในการเป็นเจ้าภาพ ทำให้ประเทศอื่น ๆ มองว่าไทยขาดความพร้อม
“การประชาสัมพันธ์ที่ล่าช้าและไร้ทิศทางจะบั่นทอนกำลังใจของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และทำให้บรรยากาศของงานที่ควรจะยิ่งใหญ่และน่าภาคภูมิใจกลายเป็นความกังวลไปในที่สุด” นายจำลอง กล่าว
นายจำลอง ยังกล่าวถึงการบริหารจัดการว่าแม้การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) จะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อน แต่การขาดการกระจายงานไป ยังผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรอื่น ๆ ก็เป็นความเสี่ยงที่อาจกระทบต่อคุณภาพและความสำเร็จ การรวมอำนาจและภาระงานไว้ในองค์กรเดียวอาจทำให้เกิดปัญหาคอขวดและสร้างภาระงานที่หนักเกินไปให้กับบุคลากรจำนวนจำกัด อาจส่งผลให้การทำงานไม่รวดเร็วและขาดประสิทธิภาพ ที่สำคัญคือความเสี่ยงด้านความโปร่งใสด้วย
สำหรับกำหนดการจัด กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ถูกกำหนดจะแข่งขันระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคม 2568 ที่กรุงเทพมหานคร, จ.ชลบุรี, จ.สงขลา