กรมพัฒนาที่ดิน โดยกองสำรวจดินและวิจัยทรัพยากรดิน ดำเนินการสำรวจ ศึกษา วิเคราะห์ และจัดทำข้อมูลดินทั่วประเทศ เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลสำคัญในการวางแผนการใช้ที่ดินอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ อันจะช่วยสนับสนุนทั้งด้านการเกษตร เศรษฐกิจ และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
การสำรวจดิน เป็นการรวบรวมข้อมูลโดยใช้วิธีการภาคสนามและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่ออธิบายและจำแนกดิน กำหนดขอบเขตและหน่วยดิน พร้อมจัดทำแผนที่และรายงานการสำรวจ โดยมีการแปลความหมายข้อมูลเพื่อประยุกต์ใช้ในด้านต่าง ๆ เช่น การวางแผนเพาะปลูก การจัดการพื้นที่เกษตร การขุดบ่อน้ำขนาดเล็ก รวมถึงการให้คำแนะนำปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน รูปแบบการสำรวจดินแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. การสำรวจดินพื้นฐาน เพื่อเก็บข้อมูลทั่วไปที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในวงกว้าง
2.การสำรวจดินเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ ที่มุ่งเน้นข้อมูลตามความต้องการของโครงการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
กระบวนการสำรวจดินมีขั้นตอนสำคัญ 5 ขั้นตอน ได้แก่
1. การรวบรวมและศึกษาข้อมูลเบื้องต้น
2. การตรวจสอบดินภาคสนาม โดยใช้ทั้งการขุดหลุมหน้าตัดดินขนาดใหญ่ (soil full pit) ขนาดเล็ก (soil mini pit) และการเจาะด้วยสว่าน (hand augering)
3. การวิเคราะห์ตัวอย่างดินในห้องปฏิบัติการ
4. การจัดทำแผนที่ดิน แสดงหน่วยดินและคุณลักษณะ
5. การจัดทำรายงานการสำรวจดิน พร้อมแปลความหมายข้อมูลเพื่อการใช้ประโยชน์
ทั้งนี้ การศึกษาภาคสนามต้องใช้อุปกรณ์เฉพาะ เช่น สว่านเจาะดิน สมุดเทียบสีดิน เครื่องวัด pH และอุปกรณ์เก็บตัวอย่าง เพื่อนำข้อมูลที่ถูกต้องมาวิเคราะห์ในเชิงวิชาการ ตัวอย่างเช่น ชุดดินสตึก ที่พบในพื้นที่ลูกคลื่นลอนลาด มีการระบายน้ำดี ลักษณะดินร่วนปนทรายถึงดินร่วนเหนียวปนทราย ซึ่งข้อมูลเช่นนี้เป็นประโยชน์ต่อการกำหนดแนวทางการเพาะปลูกและการใช้ที่ดินได้อย่างเหมาะสม การจัดทำข้อมูลดินจึงถือเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศ ทั้งในด้านการเกษตร การวางแผนใช้ที่ดิน การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงการลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ อันจะช่วยสร้างความมั่นคงด้านอาหารและการพัฒนาที่ยั่งยืนให้แก่เกษตรกรและประชาชนในระยะยาว
กรมพัฒนาที่ดินย้ำว่า “การเข้าใจดิน คือจุดเริ่มต้นของการเข้าใจการเจริญเติบโตของพืช และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน”