วุฒิสภา รับหลักการ ร่างกม.รฟม. ด้าน“กมธ.คมนาคม” ห่วงเกิดภาระทางการเงิน หลังกำหนดให้เงินรายได้ รฟม. อุดหนุน นโยบาย 20 บาทตลอดสาย
วันนี้ (8ก.ย.) ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา โดย พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (ฉบับที่...) พ.ศ... (พ.ร.บ.รฟม.)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านั้นนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร สว. ฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การคมนาคม วุฒิสภา ได้นำเสนอรายงานโดยให้ข้อสังเกตต่อประเด็นที่น่ากังวลในร่างกฎหมาย ได้แก่ 1.สถานะการเงินของ รฟม. เมื่อร่างแก้ไขกำหนดให้นำเงินรายได้ตามมาตรา 65 อุดหนุนนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาทตลอดสาย ที่ในอดีตมีตัวอย่างจากหลายประเทศที่ดำเนินนโยบายลดค่าบริการขนส่งมวลชน แต่ผลประกอบการไม่สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริง ทำให้ส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินของผู้ให้บริการอย่างมีนัยสำคัญ
“กรณีการรถไฟแห่งประเทศไทยขาดทุนสะสมเนื่องจากนโยบายลดค่าโดยสารที่ไม่สอดคล้องต้นทุนที่แท้จริง ดังนั้น รฟม. ต้องประเมินผลกระทบและภาระการเงินอย่างรอบด้าน เพื่อให้มั่นใจว่าฐานะการเงินขององค์กรยังคงมั่นคงไม่เกิดผลกระทบต่อเสถียรภาพขององค์กร กมธ.เห็นว่าตัวเลขประมาณการค่าชดเชยที่รฟม.จะชดเชยให้ผู้รับสัมปทานตามนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาทตลอดสาย ที่ 8,000 ล้านบาทต่อปีอาจต่ำกว่าความเป็นจริง” นายวุฒิชาติ อภิปราย
นายวุฒิชาติ อภิปรายต่อด้วยว่ากรณีที่ร่างก้ไขมาตรา 4 กำหนดให้ รฟม. มีอำนาจออกพันธบัตรหรือตราสาอื่นเพื่อใช้ลงทุน เพื่อประโยชน์แก่กิจการ ที่ชั้นสภาฯ แก้ไขให้เป็นไปโดยความเห็นชอบของ ครม. นั้นกมธ.เห็นด้วย ขณะที่การให้ รฟม. ออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นใดนั้นอาจเป็นการเพิ่มภาระหนี้ให้กับ รฟม. ได้ ดังนั้นมีข้อแนะนำให้เลือกใช้เครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสมสอดคล้องกับโครงการ และคำนึงถึงวินัยการเงินการคลังเคร่งครัด
“กมธ.เห็นว่ารฟม. ต้องพัฒนารูปแบบการหารายได้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการหารายได้ให้เพียงพอต่อการดำเนินการ โดยเฉพาะการหารายไดไ้เชิงพาณิชย์ รวมถึงต้อง พัฒนามาตรการตรจสอบและกำกับดูแลที่รัดกุมเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามกรอบกฎหมายและหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี” นายวุฒิชาติ อภิปราย
ประธานกมธ.คมนาคม อภิปรายต่อว่า กมธ.กังวลต่อความเพียงพอของเงินกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วมตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการตั๋วร่วม เพราะเงินดังกล่าวจะถูกนำไปชดเชยรายได้ให้แก่ผู้รับสัมปทานที่มีรายได้ลดลง เพราะนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาทตลอดสาย และนโยบายระบบตั๋วร่วม
ทั้งนี้หลังจากที่ประชุมได้อภิปรายเนื้อหาสาระ ที่ประชุมมีมติรับหลักการ 161 เสียง ไม่รับหลักการ 1 งดออกเสียง4 และตั้งกรรมาธิการวิสามัญขึ้นพิจารณาในกรอบเวลา 30วัน นับแต่ที่รับร่างพ.ร.บ.มาถึงวุฒิสภา ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 30 ก.ย. นี้