“บิ๊กเล็ก” เผย สร้างรั้วกั้นชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องตกลงทั้งสองฝ่าย หวั่นกัมพูชาเคลมเป็นเส้นเขตแดนในอนาคต เตรียมนำเข้า สมช.พิจารณา
วันนี้่ (5 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ให้สัมภาษณ์ถึงแผนสร้างรั้วกั้นชายแดนไทย-กัมพูชา ที่บ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ความยาว 16 กม. ว่า เรื่องบ้านหนองจานได้พูดคุยตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา เกี่ยวกับประเด็นที่จะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ในวันที่ 10 ก.ย.นี้ โดยเรื่องการก่อสร้างรั้วที่บ้านหนองจาน เป็นการเห็นชอบในหลักการ เพื่อให้ผู้ว่าฯ สระแก้ว พูดคุยในรายละเอียดต่อไป เรื่องนี้ทางผู้ว่าฯ สระแก้ว ได้นำเรื่องขอเข้าที่ประชุม ศบ.ทก. เพราะปัจจุบันมีมวลชนไปกดดัน หากไม่ดำเนินการใดๆ จะแจ้งความตามมาตรา 157 จึงได้ให้ดำเนินการตามกฎหมายไปก่อน บางครั้งรัฐบาลก็ไม่สามารถทำอะไรได้อย่างที่ต้องการ ต้องฟังเสียงประชาชน ดังนั้นทางผู้ว่าฯ สระแก้ว จึงขออนุมัติดำเนินการก่อน
พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ส่วนความชัดเจนในการดำเนินการ จะนำเสนอให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พิจารณาในรายละเอียด เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ทั้งนี้ ทีมที่ปรึกษาได้ให้ข้อสังเกตไว้ 2-3 ประการ คือ แนวชายแดนไทย-กัมพูชา มีลักษณะเป็นคลอง และเขตแดนอยู่กลางคลอง ฉะนั้น การสร้างรั้วบนตลิ่ง จะต้องพิจารณาในรายละเอียด เพราะเป็นห่วงว่าในอนาคตหากกัมพูชา ซึ่งไม่ค่อยสนใจในรายละเอียด จะทึกทักว่าเขตแดนของไทยอยู่ที่แนวรั้ว ทั้งที่ความจริงไม่ใช่ รั้วไม่ได้หมายถึงเขตแดนแต่หมายถึงเครื่องกีดขวางในด้านความมั่นคง สกัดกั้นอาชญากรรมข้ามชาติและอื่นๆ จึงควรมีข้อตกลงให้ชัดเจนทั้งสองฝ่ายก่อนที่จะดำเนินการ และต้องสงวนสิทธิ์ในการใช้พื้นที่ระหว่างกลางด้วย ไม่เช่นนั้นอาจเกิดการรุกล้ำ
พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ส่วนการประชุมจีบีซี ในวันที่ 10 ก.ย.นี้ หากมีการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล จะมีผลอย่างไรนั้น พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ยอมรับว่า หนักใจพอสมควร และตนได้ปรึกษากับเลขาธิการกฤษฎีกา กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศแล้ว จะต้องเดินทางไปประชุม เพราะหากไม่ไปประเทศจะเสียประโยชน์ โดยได้รับแนะนําว่าควรหลีกเลี่ยงประเด็นใดก็ตามที่จะผูกพันถึงรัฐบาลใหม่ หากมีเงื่อนไขเดิมที่เคยคุยไว้ ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีข้อสรุปอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการประชุมจีบีซี วันที่ 10 ก.ย.นี้ จะมีข้อสรุปเงื่อนไขที่เคยคุยไว้อย่างไร พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า จะเป็นการพูดคุยเรื่องเดิมที่ยังไม่มีความคืบหน้า คือ การเก็บกู้ทุนระเบิด ปราบปรามอาชญากรรมช้ามชาติ สแกมเมอร์ และประเด็นบ้านหนองจาน โดยประเด็นเรื่องบ้านหนองจานจะไปหารือในที่ประชุมจีบีซีแล้วนำกลับมาให้ผู้ว่าฯ จ.สระแก้ว และผู้ว่าฯ บันเตียเมียนเจย ของกัมพูชาคุยกัน จัดทำรายละเอียด ถ้าไม่มีความคืบหน้าจึงจะดำเนินการในแง่ของกฎหมาย ซึ่งแต่ผู้ว่าฯ สระแก้ว ขอนำเรื่องเข้าที่ประชุม ศบ.ทก. จึงขอความเห็นใจ เนื่องจากประชาชนไปกดดันถ้าไม่ดำเนินการใดๆ จะแจ้งความเอาผิด มาตรา 157 ขั้นตอนก็เลยต้องสลับกัน ซึ่งที่ประชุมก็เห็นใจผู้ว่าฯ และก็ให้ดำเนินการไปก่อน โดยให้คุยกับผู้ว่าฯ บันเตียเมียนเจย ของกัมพูชา ในวันที่ 8 ก.ย.ในระหว่างการประชุมจีบีซี
บางครั้ง ศบ.ทก. และรัฐบาลก็ไม่สามารถทำอะไรได้อย่างที่ต้องการหรือวางแผนไว้ ต้องฟังเสียงประชาชนด้วย เมื่อประชาชนบอกว่ารอการประชุมจีบีซีในวันที่ 10 ก.ย.ไม่ได้ จึงขอให้ผู้ว่าฯสระแก้วอนุมัติดำเนินการก่อน และศบ.ทก. เห็นชอบในเบื้องต้น จึงจะนำเข้าที่ประชุมสมช.วันนี้ เพราะไม่ทราบว่า จะมีการประชุม ศบ.ทก.อีกหรือไม่ เนื่องจากคำสั่งใดที่รัฐบาลเดิมแต่งตั้งไว้ เมื่อรัฐบาลสิ้นสุด ก็จะหมดไปด้วยตามรัฐบาล และวันนี้อาจเป็นการประชุมครั้งสุดท้าย จึงอยากจะขอโอกาสนี้ขอบคุณสื่อฯ ที่ผ่านมาช่วยทำความเข้าใจกับสังคม จนมั่นใจว่าสื่อช่วยได้เยอะ พร้อมเปิดความในใจว่า
“การทำงานในห้วงเวลาที่ผ่านมา ผมเป็น รมช.กลาโหม ขณะที่อีกหน้าที่เป็น ผอ.ศบ.ทก. เวลาที่ฝพูดหรือคิดอะไร จากทิศไหนกรอบ ผอ.ศบ.ทก.ไม่ได้คิดเรื่องทหารอย่างเดียว บางครั้งสื่ออาจไม่เข้าใจว่าทำไม รมช.กลาโหม ไปคิดเรื่องอื่น ขอความกรุณา ทำความเข้าใจกับสังคม ว่ากรอบที่ผมคิดคือ การใช้พลังอำนาจของชาติ ผลประโยชน์ของชาติทั้ง 6 ด้าน ทั้งการเมืองในและต่างประเทศ การทหาร เศรษฐกิจ ซึ่งเวลาประชุมกับกัมพูชา ก็พยายามบอกว่าภัยจริงๆ คือ ด้านเศรษฐกิจ แต่เรื่องอธิปไตยเราก็ถือเป็นลำดับแรก นอกนั้นยังคำนึงถึงสังคมจิตวิทยา ซึ่งประชาชนตามแนวชายแดนด้วยกันก็อาศัยซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ชาวกัมพูชา มาซื้อของกินของใช้ในบ้านเรา คนไทยก็ซื้อของป่า เขาก็อยู่กันมาแบบนั้น
“รวมถึงด้านต่างประเทศ บทบาทของเราและทัศนคติของนานาชาติที่มีต่อเรา และคิดถึงด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และพลังอำนาจอีกอย่างที่สำคัญคือ พลังอำนาจข้อมูลข่าวสาร สื่อมวลชนประเทศไทยมีอิสระเสรี และมีจำนวนมากหลากหลาย แต่สื่อมวลชนกัมพูชา ถูกจำกัด จึงมั่นใจในพลังอำนาจของสื่อไทย แต่บางครั้งตนก็คิดว่า ทำไมบางครั้งการสื่อสารของเรา เป็นรองเขาในบางเรื่อง ในฐานะที่จะพ้นหน้าที่ไปอยากจะฝากสื่อมวลชนไทยใช้พลังอำนาจด้านนี้ให้เต็มที่ ในการสู้กับพลังข้อมูลข่าวสารกับฝ่ายกัมพูชา” พล.อ.ณัฐพล กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้รับการติดต่อทาบทามจากว่าที่รัฐบาลใหม่ ให้ทำหน้าที่รัฐมนตรี อีกหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ไม่มีเลย เมื่อถามย้ำว่า ถ้าได้รับการติดต่อสนใจสนใจที่จะมาช่วยงานต่อหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า น่าจะมีคนที่มีความสามารถ ตนคิดว่าอย่างนั้น ไม่ได้คิดว่าเขาจะมาทาบทาม คิดอย่างเดียวว่าน่าจะมีคนทำได้ดีกว่า