สภาผู้แทนราษฎร เตรียมโหวตนายกฯ คนที่ 32 จับตา 2 แคนดิเดต ‘อนุทิน-ชัยเกษม’ ปชน.ย้ำหนุนอนุทินภายใต้ 5 เงื่อนไข
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เป็นพิเศษ เวลา 09.00 น. วันนี้ (5 ก.ย. 68) ก่อนการพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่บรรจุไว้ในวาระเรื่องด่วนทึ่ 8 ที่ประชุมมีวาระพิจารณาเรื่องที่ที่ประชุมเห็นชอบให้เลื่อนขึ้นมาพิจารณาก่อน จำนวน 2 เรื่อง ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติการรายงานและเปิดเผยข้อมูลการปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติการรายงานการปล่อยและการเคลื่อนย้ายสารมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... นอกจากนี้ ยังมีวาระพิจารณาเรื่องที่ค้างพิจารณา รวม 3 เรื่อง เช่น ร่างพระราชบัญญัติอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ. ....
สำหรับรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมีรายงานว่าจะเสนอเพียง 2 ชื่อ คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล จากพรรคภูมิใจไทย และนายชัยเกษม นิติสิริ จากพรรคเพื่อไทย ทั้งนี้ พรรคประชาชน ยังย้ำคำเดิมที่จะโหวตสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี โดยไม่ขอเข้าร่วมรัฐบาล แต่ต้องยึดตามเงื่อนไข 5 ข้อ ที่ได้ทำข้อตกลงกันไว้
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า สส.กลุ่มของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ 12 เสียง จะโหวตให้กับพรรคภูมิใจไทยด้วย แต่ไม่รวมกลุ่มของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ประมาณ 3-4 คน ที่ยังคงโหวตให้พรรคเพื่อไทย
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ มีทิศทางการโหวต ’งดออกเสียง‘ หรือใช้เอกสิทธิ์ สส. ยกเว้น 3 คน ที่แสดงตัวชัดเจนว่า จะโหวตให้นายอนุทิน คือ นายสรรเพชญ บุญญามณี นายสมยศ พลายด้วง และนายราชิต สุดพุ่ม
สำหรับขั้นตอนการเลือกนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ ปี 2560 กำหนดกระบวนการ โดยเริ่มจากการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องมาจากบัญชีของพรรคการเมืองที่มี สส. ตั้งแต่ 25 คนขึ้นไป ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 88 โดยผู้ที่ถูกเสนอชื่อจะต้องได้รับการรับรองจาก สส. ไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวน สส. ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ ซึ่งปัจจุบันมี สส. 492 คน หรืออย่างน้อย 50 คน ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนการลงมติ ทั้งนี้ ในการลงมติเลือกจะลงคะแนนโดยเปิดเผยด้วยวิธีการขานชื่อ สส. ตามลำดับตัวอักษร ให้ออกเสียงเป็นรายบุคคล "เห็นชอบ" "ไม่เห็นชอบ" หรือ "งดออกเสียง" ซึ่งผู้ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต้องได้รับคะแนนเสียงเห็นชอบมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวน สส. ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ หรือไม่น้อยกว่า 247 เสียง ซึ่งเมื่อได้ผู้ที่ได้รับความเห็นชอบแล้ว ประธานสภาผู้แทนราษฎรจะนำรายชื่อบุคคลดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป