xs
xsm
sm
md
lg

‘สิริน’ ชี้ ปปช.กัมพูชาไม่ใช่ศัตรู แต่ถูกปิดกั้นข้อมูลไม่ต่างเกาหลีเหนือ แนะใช้ข้อมูลจริงสื่อสารกับโลก ดึงแรงงานฝั่งไทยช่วยสื่อสารกับเพื่อนบ้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันนี้(3 ก.ย.)นายสิริน สงวนสิน สส.กทม.พรรคประชาชน กล่าวว่า การที่ความขัดแย้งระหว่างไทยกัมพูชาถูกยกระดับเป็นความรุนแรง ปฏิเสธไม่ได้ว่าสืบเนื่องมาจากภาวะผู้นำของสองประเทศเสื่อมถอยจึงมีการปั่นกระแสชาตินิยมมาใช้เป็นเครื่องมือ ความจริงแล้วสำหรับผู้คนทั้งสองประเทศคือเพื่อนบ้านที่มีการไปมาหาสู่กันมาอย่างยาวนานไม่ใช่ศัตรูกัน พึ่งพาอาศัยกันทางเศรษฐกิจและในบางพื้นที่ยังมีความเป็นเครือญาติกันด้วย จึงไม่มีเหตุผลเลยที่จะต้องจ้องเอาชีวิตหรือโกรธเกลียดฆ่าฟันกันเพื่อตอบสนองความต้องการรักษาอำนาจตัวเองของผู้นำ
.
“สิ่งที่น่ากังวลสำหรับทั้ง 2 ประเทศคือความเกลียดชังที่ฝังลึกขึ้นเรื่อยๆจากการหล่อเลี้ยงเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชัง มีการผลิตสร้างความรู้สึกผ่านสื่อต่างๆไม่ว่าจะเป็นข่าวสาร หนังละคร รวมไปถึงบรรดาอินฟลูในโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับรัฐบาลกัมพูชามีขบวนการสร้าง fake new อย่างแข็งแรงที่รัฐบาลกับกัมพูชาทำมาทุกวิถีทางเพื่อสร้างศัตรูร่วมให้กับชาติของตนเอง เหมือนในอดีตที่เคยทำมาแล้วจากการเต้าข่าวดาราชื่อดังของไทยว่าดูถูกคนกัมพูชานำไปสู่การเผาสถานทูตไทยในกรุงพนมเปญ ขณะที่เหตุการณ์ปัจจุบันคนกัมพูชาโดนรัฐบาลสวมความคิดให้เกลียดชังคนไทยไม่ต่างจากเดิม”

นายสิริน กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่ไทยต้องมีความหนักแน่นคือการไม่ใช้ความรุนแรงเป็นแนวทางหลัก เพราะมีแต่จะสร้างประวัติศาสตร์บาดแผลต่อกันไปเรื่อยๆ ไม่เป็นผลดีต่อความสัมพันธ์ต่อสองประเทศในอนาคต ต้องยอมรับความจริงที่ว่าทั้งสองประเทศมีพรมแดนติดกันไม่สามารถย้ายไปไหนได้ และความขัดแย้งมีแต่จะทำให้คนตามแนวชายแดนได้รับความลำบาก ความขัดแย้งครั้งนี้ควรต้องยุติโดยเร็ว แต่การที่จะเกิดขึ้นได้ รัฐบาลไทยจะต้องยกระดับการต่อสู้ด้วยข้อมูลและความจริงให้โลกรู้ รวมถึงต้องทำให้คนในกัมพูชาได้ข้อมูลที่เป็นจริง

“จริงอยู่ที่คนกัมพูชาอาจจะมีอิสระภาพมากกว่า แต่ภายใต้การปกครองและสืบทอดอำนาจภายในครอบครัวของผู้นำคนปัจจุบัน และจากที่ผมเคยได้คุยกับกับเพื่อนชาวกัมพูชาทำให้รู้สึกได้ว่าการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของคนกัมพูชาแทบไม่ต่างกับคนที่อยู่ในประเทศเกาหลีเหนือจึงโดนรัฐบาลครอบงำได้ไม่ยาก แม้แต่กรณีระเบิดใส่เซเว่น ลาวโดนลูกหลงจากระเบิด หรือแม้แต่การวางกับระเบิด ข่าวฝั่งโน้นที่เขาได้รับคนละแบบเราเลย ทุกกรณีถูกบอกว่าประเทศไทยเป็นคนทำหมด คนที่โน่นจึงไม่รู้อะไรจริงอะไรไม่จริง จนกลายเป็นขาดความเห็นอกเห็นใจและมองเห็นไทยเป็นศัตรูในทุกกรณี”

นายสิริน ทิ้งท้ายว่า การยกระดับการสื่อสารให้โลกรู้จึงเป็นสิ่งจำเป็น ที่ผ่านมารัฐบาลไทยยังทำน้อยเกินไปจนต่างประเทศก็เริ่มมองเราเป็นคนผิดเหมือนกัน เราต้องใช้ข้อมูลที่ชัดเจนยืนยันว่าประเทศไทยถูกละเมิด MOU ไปแล้วกี่ครั้ง ในแต่ละกรณีใครยิงใครก่อน หรือใครเป็นคนวางกับระเบิดเพื่อหวังให้เหตุการณ์ไม่สงบดำเนินต่อไป และสิ่งสำคัญคือเราจะต้องทำให้คนในประเทศกัมพูชาได้รับรู้ด้วย ข้อมูลจากฝั่งไทยควรมีการแปลและสื่อสารเป็นภาษากัมพูชา รวมถึงอาจขอความร่วมมือให้แรงงานชาวกัมพูชาในไทย หรือคนไทยที่สามารถสื่อสารภาษากัมพูชาได้เป็นผู้ชื่อสื่อสาร เช่น การทำคลิปต่างๆในโซเชี่ยลมีเดีย เพื่อสร้างความเข้าใจต่อสถานการณ์ที่ตรงกัน ไม่ให้ใครนำสถานการณ์ไปปลุกปั่นกระแสชาตินิยมสร้างประโยชน์ให้ตัวเอง จนประชาชนทั้งสองประเทศต้องกลายเป็นผู้รับเคราะห์อย่างที่เป็นอยู่
กำลังโหลดความคิดเห็น