ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ เกมการเมืองเดือด หากพรรคส้ม หนุน “อนุทิน”นั่งนายกฯ เจอ“ทักษิณ” สั่งยุบสภาแน่
“ศึกชิงบ้านชิงเมือง” ผ่านการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ กำลังเข้มข้น หลังจาก“แพทองธาร ชินวัตร” นายกฯคนที่ 31 ถูกศาลรัฐธรรมนูญ สั่งปลดจากตำแหน่ง กรณี “คลิปเสียง” ที่คุยกับ ฮุนเซน
สถานการณ์ตอนนี้ พรรคภูมิใจไทย “ขั้วสีน้ำเงิน” ที่มี “อนุทิน ชาญวีรกูล” เป็นแคนดิเดตนายกฯ กำลังขับเคี่ยว แย่งชิงเก้าอี้นายกฯ กับพรรคเพื่อไทย “ขั้วสีแดง” รัฐบาลรักษาการ ที่มี “ชัยเกษม นิติสิริ” เป็นแคนดิเดตนายกฯ โดยมีพรรคประชาชน “พรรคส้ม” เป็นตัวแปร พรรคนี้ไม่มีแคนดิเดตนายกฯ เพราะ“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” แคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไปแล้ว
แต่ความสำคัญของพรรคส้มอยู่ที่ว่า ถ้าเทคะแนนให้ทางฝั่งน้ำเงิน “อนุทิน” ก็ได้เป็นนายกฯ มี “เนวิน ชิดชอบ” เป็นนายกฯเงา ถ้าเทคะแนนให้ทางฝั่งแดง “ชัยเกษม” ก็ได้เป็นนายกฯ โดยมี “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นนายกฯ เงา
ทั้ง 3 กลุ่ม 3 สีนี้ นี้ต่างมี “วาระซ่อนเร้น” ของตัวเอง
กลุ่มสีน้ำเงิน ต้องการมีอำนาจ เพื่อแก้ปัญหา ที่ดินเขากระโดง และคดีฮั้วสว. ที่ระดับแกนนำพรรคคนสำคัญ ติดบ่วงกฎหมายอยู่
กลุ่มสีแดง ต้องการมีอำนาจต่อ เพราะมีหลายโครงการ หลายเมกะโปรเจกต์ ยังค้างคา และที่สำคัญระดับผู้นำจิตวิญญาณของพรรค อย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” ก็ยังมีคดี ชั้น 14 ค้ำคออยู่
ส่วนพรรคส้ม นอกจากจะมี “คดี 44 สส.” ที่ลงชื่อยื่นแก้ ม.112 ซึ่งตอนนี้คดีอยู่ในมือของป.ป.ช.ที่ต้องการเคลียร์ และพรรคส้ม ก็ยังต้องการให้มีการเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว เพราะเห็นว่า พรรคเพื่อไทย ที่เป็นคู่แข่งทางการเมือง มีฐานเสียงเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ประชาธิปไตยจ๋า ทับซ้อนกันอยู่
เมื่อกระแสพรรคเพื่อไทยกำลังตกต่ำ ในช่วงที่ “แพทองธาร ชินวัตร” เป็นนายกฯ อ่อนด้อยทั้งในด้านความรู้ ความสามารถ ขาดวุฒิภาวะ ด้านการเมือง เศรษฐกิจ การต่างประเทศล้วนล้มเหลว หากเลือกตั้งในช่วงนี้ กระแสคนรุ่นใหม่ย่อมเทมาทางพรรคส้มแน่นอน
แล้ว “พรรคส้ม”จะเลือกขั้วไหน?
เลือกขั้วแดง ก็ทำใจไม่ได้ เพราะเคยมีบทเรียนถูกหักหลังกันมาแล้ว เลยขยาด ไม่ไว้ใจ
เลือกขั้วน้ำเงิน ที่ดูเหมือนจะวิน-วิน ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ขั้วน้ำเงินจะได้เสียงฝ่ายอนุรักษ์นิยม พรรคส้มได้ฐานเสียงคนรุ่นใหม่ หัวก้าวหน้า แต่ก็ยังไม่ใว้ใจพรรคภูมิใจไทยเช่นกัน
ครั้นจะไม่เลือกทั้งสองขั้ว ก็จะทำให้ขั้วสีแดงเป็นรัฐบาลรักษาการไปเรื่อยๆ และอาจทำให้เป็นช่องทาง ที่อำนาจนอกระบบ เข้ามาแทรกได้
อีกทางหนึ่งคือ ถ้ารู้ว่าพรรคส้ม จะเทคะแนนหนุน ขั้วสีน้ำเงิน ทางขั้วสีแดง ที่เป็นรัฐบาลรักษาการอยู่ ก็จะชิงยุบสภา ก่อนที่จะมีการโหวตนายกฯ
คราวนี้มาดูกันว่า “กระแส” ความเป็นไปได้ในตอนนี้ จะเทไปข้างไหน
เมื่อย้อนไปในวันที่ 29 ส.ค. ที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ “แพทองธาร ชินวัตร” พ้นจากตำแหน่งนายกฯ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ก็ยกขบวนแกนนำพรรค เข้าไปเจรจาขอเสียงสนับสนุนจากพรรคประชาชนทันที จากนั้นก็ไปที่พรรคกล้าธรรม และต่อมา พรรคกล้าธรรม ก็ออกแถลงการณ์ สนับสนุน “อนุทิน” เป็นนายกรัฐมนตรี และยังมีกลุ่ม “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น จากพรรครวมไทยสร้างชาติ ไปร่วมด้วย
มีการรวบรวมเสียงสนับสนุนให้เห็นกันชัดๆ ว่า จากพรรคภูมิใจไทย 69 เสียง กล้าธรรม 25 เสียง พลังประชารัฐ 18 เสียง รวมไทยสร้างชาติ กลุ่มนายสุชาติ ชมกลิ่น 16 เสียง ประชาธิปัตย์ 2 เสียง ไทยสร้างไทย 3 เสียง พรรคเล็ก 4 เสียง และ พรรคเป็นธรรม 1 เสียง รวม 138 เสียง ซึ่งหากรวมกับพรรคประชาชน 143 เสียง ก็จะเป็น 281 เสียง เสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวน สส.ในสภา เหลือเฟือ ...นี่ยังไม่นับรวม “งูเห่า” ที่จะเลื้อยมาจากพรรคเพื่อไทยอีกประมาณ 10 เสียง
กระแสจึงเทมาทางขั้วสีน้ำเงิน ว่าจะได้จัดตั้งรัฐบาลแน่ ถ้าพรรคส้มโหวตหนุน
แต่แล้ว“ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” เจ้าของพรรคประชาชนตัวจริง ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “ทักษิณ ชินวัตร” ได้ต่อสายมาคุยด้วย ขอให้ช่วยสนับสนุน “ชัยเกษม” เป็นายกรัฐมนตรี พร้อมกับบอกว่า ขณะนี้ พรรคประชาชน ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าเลือกใคร ขณะเดียวกันก็มีกระแสข่าวว่า “คุณหญิงอ้อ” พจมาน ก็ต่อสายคุยกับ “สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ” แม่ของธนาธร ขอเสียงสนับสนุนช่วยอีกทางหนึ่งด้วย
ทำให้กระแสความมั่นใจ โดยเฉพาะกับสส.พรรคร่วมรัฐบาลเดิม มีกำลังใจมากขึ้นว่า เรื่องอย่างนี้ เมื่อ“ผู้ใหญ่” คุยกัน น่าจะมีน้ำหนักมากกว่า
ส่วนพรรคส้ม ที่ตอนนี้เหมือนถือไพ่เหนือกว่า เพราะอยู่ในสถานะผู้เลือก ก็เรียกประชุมพรรคเมื่อวันที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป ต้องนัดประชุมใหม่ในวันที่ 2 ก.ย.อีกครั้ง
ขณะเดียวกันพรรคประชาชนก็เปิดขอเสียง “ด้อมส้ม” ผ่านช่องทาง Line OA และ SMS ว่าจะเอายังไง กับการโหวตนายกฯ โดยคำถาม ระบุว่า
1. ท่านเห็นด้วยหรือไม่ ที่พรรคประชาชนควรใช้เสียงในสภาผู้แทนราษฎรที่มีอยู่ประมาณ 143 เสียง เพื่อกํากับทิศทางการเมืองให้เดินหน้าสู่การยุบสภา และทําประชามติ เปิดทางไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่” มีคำตอบให้เลือก คือ เห็นด้วย ควรใช้เสียงที่มีในสภา และไม่เห็นด้วย ควรอยู่เฉยๆ
2. หากจําเป็นต้องเลือก ท่านมีความเห็นว่า พรรคประชาชน ควรยกมือสนับสนุนแคนดิเดตจากพรรคใดเป็นนายกรัฐมนตรี และมีคำตอบให้เลือกคือ พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย นอกจากนี้ ยังมีช่องให้สามารถกรอกความเห็นอื่น
โดยคนที่จะแสดงความเห็นได้ ต้องมีการยืนยันตัวตนว่า เป็นสมาชิกพรรคประชาชน เท่านั้น
บรรยากาศของการเคลื่อนไหวชิงเก้าอี้นายกฯ ในวันที่ 2 ก.ย. ถือว่า ดุเดือด เข้มข้นมาก พรรคประชาชน มีการประชุมทั้งคณะกรรมการบริหารพรรค และสส.ของพรรค ทุกคนต่างเฝ้ารอว่า สุดท้ายจะมีมติออกมาอย่างไร
ทั้งๆ ที่เป็นที่รู้กันว่า ไม่ว่าจะการเรีบกประชุม หรือการให้สมาชิกพรรคมีส่วนร่วมในการออกความเห็นนั้น ทำไปเพื่อ “เอาหล่อ” เท่านั้น แต่ผลการตัดสินสุดท้ายนั้น อยู่ที่แกนนำระดับสูงและเจ้าของพรรคเท่านั้น ว่าจะชี้ไปแดง หรือน้ำเงิน หรือจะอยู่เฉยๆ
ขณะที่พรรคเพื่อไทย ก็มีการประชุมพรรคเช่นกัน โดยมีทั้ง “ทักษิณ ชินวัตร -แพทองธาร ชินวัตร -ชัยเกษม นิติสิริ” มาเข้าร่วมประชุมด้วย
มีกระแสข่าวว่า ถ้า“พรรคส้ม” ไปหนุน “ขั้วน้ำเงิน” ทางรัฐบาลรักษากร ก็จะยุบสภาแน่
แม้เรื่องยุบสภา จะมีปัญหาถกเถียงกันว่า รัฐบาลรักษาการ สามารถยุบสภาได้หรือไม่ แต่ “ภูมิธรรม เวชยชัย” ก็ออกมายืนยันว่า วันนี้ เขาปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ เพราะไม่มีนายกฯ ไม่ใช่ตำแหน่งรักษาราชการแทนนายกฯ ดังนั้น จึงมีอำนาจเต็มเหมือนนายกฯ ทุกประการ สามารถแต่งตั้งโยกย้าย ยุบสภาได้
การประชุมพรรคประชาชน ที่เริ่มประมาณบ่าย 2 โมงวานนี้ จนกระทั่งช่วงเย็น มีรายงานข่าวว่า พรรคมีมติจะโหวตให้ “อนุทิน ชาญวีรกูล” เป็นนายกรัฐมนตรี โดยในช่วงเช้าวันที่ 3 ก.ย.นี้ แกนนำทั้ง 2 พรรค จะไปลงนามข้อตกลงร่วมกันที่รัฐสภา
คล้อยหลังจากที่มีการเผยแพร่ข่าวนี้ออกไป ทางพรรคเพื่อไทย ออกข่าวตามมาทันทีว่า ได้ตัดสินใจ ยุบสภา แล้วเช่นกัน โดยคนที่ออกมาพูดคือ “สรวงศ์ เทียนทอง” เลขาธิการพรรคเพื่อไทย บอกว่า กระบวนการได้ดำเนินการไปแล้ว ...เมื่อถามย้ำว่า กระบวนการยุบสภาที่เริ่มไปแล้ว หมายความว่า รอนำขึ้นทูลเกล้าฯใช่หรือไม่ “สรวงศ์” ตอบว่า กล่าวว่า ใช่ครับ จริงๆแล้วเป็นสิ่งที่เราดำเนินการอยู่แล้ว ไม่ใช่การออกมาขู่ ทางออกที่ดีที่สุดของประเทศ คือการคืนอำนาจให้ประชาชน ซึ่งเป็นกระบวนการที่เราต้องทำอย่างรอบคอบ และระมัดระวังที่สุด รายละเอียดทั้งหมด ต้องไปถาม “ภูมิธรรม”
และในเวลาห่างกันไม่นาน “ไอติม” พริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคประชาชน ก็ออกมาปฏิเสธข่าวที่ว่า พรรคมีมติโหวตหนุน “อนุทิน” เป็นนายกฯ โดยบอกว่า พรรคยังไม่มีมติเลือกใครเป็นนายกฯ ไม่รู้ใครปล่อยข่าว
เช่นเดียวกับ “ภูมิธรรม เวชยชัย ” ก็ออกมายืนยันว่า เพิ่งได้รับแจ้งจากทางพรรคประชาชนว่า ยังไม่ได้มีมติเลือกใครเป็นนายกฯ เพราะเขายังไม่ได้ตัดสินใจ
ส่วนเรื่องยุบสภา เราต้องรอความชัดเจนก่อน ยังไม่ได้เตรียมอะไร เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจา ถ้าเขาประกาศจับมือกันเมื่อไร แล้วค่อยมาว่ากัน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น พอจะบอกทิศทางได้ว่า ถ้าพรรคประชาชน ตัดสินใจหนุน “อนุทิน” เป็นนายกฯเมื่อไร พรรคเพื่อไทย ก็จะยื่นยุบสภาทันที
และการเลือกนายกฯ กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 4-5 ก.ย.นี้ ดังนั้นโอกาสที่จะยุบสภา ต้องรอดู วันนี้ พรุ่งนี้ !!
หากจะว่าไปแล้ว วิกฤตที่เกิดขึ้นในวันนี้ เริ่มมาจากพรรคเพื่อไทยไปยึดเก้าอี้ รมว.มหาดไทย จากพรรคภูมิใจไทย หวังจะทำกาสิโนคอมเพล็กซ์ วางคนที่จะเป็นมือเป็นไม้ในการเลือกตั้ง และรุกหนักไล่บี้ ทั้งเรื่องเขากระโดง และคดีฮั้ว สว.
ทางฝั่งขั้วน้ำเงินฮึดสู้ โดยใช้ “สว.สีน้ำเงิน” ไปยื่นถอดถอน “แพทองธาร” จนสุดในที่สุดต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ
เกมนี้ถือว่า “ทักษิณ” แพ้ในเกมการเมือง เพราะตัดสินใจผิดพลาดไปครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อต้องเลือกนายกฯใหม่ หากปล่อยให้ “อนุทิน” ได้เป็นนายกฯ ก็จะถือว่า แพ้ซ้ำสอง และถ้าแพ้ครานี้ ในทางการเมืองถือว่ากู่ไม่กลับแล้ว
ดังนั้น มีทางเดียวคือ ต้องยุบสภา!
เพราะถ้ายุบสภา ก็ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ภายใน 45-60 วัน ระหว่างนี้ พรรคเพื่อไทย ก็จะยังเป็นรัฐบาลรักษาการไปจนกว่าจะเลือกตั้งเสร็จ กกต.ประกาศรับรองผลแล้ว ครบตามกำหนดที่จะเปิดประชุมรัฐสภาใหม่ ภายใน 15 วัน เพื่อให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี รัฐบาลชุดเดิมก็จะอยู่รักษาการ จนกว่ารัฐบาลใหม่จะจัดตั้งเสร็จสิ้น รวมแล้ว มีเวลาอยู่ในอำนาจ เกิน 60 วัน แน่นอน
ระหว่างนั้น พรรคเพื่อไทยที่กุมอำนาจรัฐ ก็จะได้เตรียมการเลือกตั้ง อีกทั้งงบประมาณ ปี 69 ก็ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาแล้ว สามารถเบิกจ่ายได้เลย
ในมุมของพรรคเพื่อไทยแล้ว ช่องทางนี้ ย่อมดีกว่าปล่อยให้ “อนุทิน” เป็นนายกฯ ให้พรรคภูมิใจไทย เป็นรัฐบาลแน่นอน