xs
xsm
sm
md
lg

"เสี่ยหนู-ภูมิใจไทย" ชิงนายกฯ สู้เพื่อกลบปม "อำพราง" ที่ดินเขากระโดงของบ้านใหญ่บุรีรัมย์ !? ** “พรรคส้ม” ก็มีวาระซ่อนเร้น จะอยู่ข้าง“อนุทิน”หรือ“ทักษิณ”ขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายไหนจะช่วยแก้ปัญหาให้ได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


อนุทิน ชาญวีรกูล - ทักษิณ ชินวัตร  - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ข่าวปนคน คนปนข่าว


++ "เสี่ยหนู-ภูมิใจไทย" ชิงนายกฯ สู้เพื่อกลบปม "อำพราง" ที่ดินเขากระโดงของบ้านใหญ่บุรีรัมย์ !?

ขณะที่ "เสี่ยหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ประกาศมั่นใจสุดฤทธิ์ว่า จะก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และคุยว่ามีเสียงพอจะจัดตั้งรัฐบาลนั้น… คำถามก็พลันดังขึ้นมาพร้อมๆ กันว่า ถ้า “อนุทิน” ได้เป็นนายกฯ พรรคภูมิใจไทย ได้เป็นรัฐบาล จะเคลียร์ปมที่ดิน "เขากระโดง" ยังไง?”

อนุทิน ชาญวีรกูล
เพราะงานนี้เกี่ยวพันกับ "ลูกพี่เน" ผู้มีบารมีเหนือพรรคภูมิใจไทย

เมื่อคำพิพากษาศาลทั้งฎีกา ศาลอุทธรณ์ภาค 3 และศาลปกครองกลาง ตอกย้ำชัดว่า ที่ดินรถไฟเขากระโดง คือที่ดินของรัฐ ไม่ใช่ของใครหน้าไหน!

เรื่องนี้โยงไปถึงการครอบครอง สนามฟุตบอลกว่า 50 ไร่ ที่ชาวบ้านก็รู้ดีว่าเป็น “สนามของคนมีบารมี”

เนวิน ชิดชอบ
ประเด็นร้อนอยู่ที่ โฉนดเลขที่ 3477 เนื้อที่ 37 ไร่ ที่ตระกูล "ชิดชอบ" ครอบครอง เดิมที “นายชัย ชิดชอบ” ยกให้ “นายเนวิน” และต่อมา เนวิน ยกต่อให้ “ไชยชนก”บุตรชาย ก่อนจะกลายเป็นสนามฟุตบอลอลังการงานสร้าง โดย”ไชยชนก”จดทะเบียนให้ บริษัท เค 2009ลิซ จำกัด เช่า 30 ปี รับรายได้กันชิล ๆ

แต่…ปี 2565 ก่อนเลือกตั้งใหญ่ปี 2566 อยู่ ๆ “ไชยชนก” ก็ยกที่ดินกลับคืนให้บิดา “เนวิน” อีกครั้ง! ทำเอาหลายฝ่ายซุบซิบว่า นี่คือ "การอำพราง" หรือไม่!? เพราะผิดปกติวิสัยที่ลูกจะยกที่ดินให้พ่อ ทั้งที่ยังมีรายได้จากการให้เช่าอยู่เต็มๆ

ไชยชนก ชิดชอบ
ไม่หมดแค่นั้น ! ยังมีข่าวแว่วว่า "สนามแข่งรถ" มีระดับ ที่สร้างขึ้นนอกพื้นที่รถไฟ กลับไปทับลำคลองสาธารณะ แม้กรมที่ดินจะกันคลองออกจากโฉนดแล้วก็ตาม แต่งานนี้กลับมีการสร้างทับ ใช้ประโยชน์ส่วนตัวกันหน้าตาเฉย! อันเป็น คดีบุกรุกที่ดินสาธารณะชัดๆ

หลักฐานเด็ดอยู่ที่ ภาพถ่ายทางอากาศ ปี 2542 ที่เห็นชัดๆ ว่า มีลำคลองสาธารณะอยู่ตรงนั้นจริง

เรียกได้ว่า หลักฐานมันฟ้อง จนยากจะกลบเกลื่อน แต่ผู้ปกครองท้องถิ่นได้แก่ จังหวัด, อำเภอ, และเทศบาล กลับเงียบกริบ!
“อนุทิน” ว่าที่นายกฯ หรือ พรรคภูมิใจไทย ก็ต้องรู้ เรื่องที่ดินเขากระโดง สนามฟุตบอล และสนามแข่งรถ ของผู้มากบารมีบุรีรัมย์นั้น ไม่ใช่แค่ปัญหาที่ดินธรรมดาแต่เป็น "แผลใหญ่” ทางการเมือง ที่พรรคภูมิใจไทยและคนดังจากบุรีรัมย์ จะต้องถูกสังคมตราหน้าแน่ๆ

งานนี้ ภูมิใจไทย พยายามทุกอย่างเพื่อเข้าสู่อำนาจเป็นรัฐบาล โดยไม่ได้ตั้งใจขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาประชาชน หรือ รักษาอธิปไตยที่ชายแดน แต่ขึ้นมาเพื่อกลบขี้ที่ดินเขากระโดง!?

ทักษิณ ชินวัตร
++ “พรรคส้ม” ก็มีวาระซ่อนเร้น จะอยู่ข้าง“อนุทิน”หรือ“ทักษิณ”ขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายไหนจะช่วยแก้ปัญหาให้ได้

พลันที่ศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินให้ “แพทองธาร ชินวัตร” พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และมีผลให้ครม.ทั้งคณะพ้นจากตำแหน่งไปด้วย

“เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เลิกเหนียม รีบเดินสายไปพบแกนนำพรรคประชาชน จากนั้นก็ไปพบแกนนำพรรคกล้าธรรม ขณะเดียวกัน “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น จากพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็มาสมทบด้วย

ชัยเกษม นิติสิริ
ต่อมาก็มีภาพจับไม้จับมือ ร่วมแถลงข่าวเตรียมจัดตั้งรัฐบาล เพราะคิดตัวเลขออกมาแล้ว ภูมิใจไทย 68 ประชาชน 143 กล้าธรรม 25 พลังประชารัฐ 18 กลุ่มเสี่ยเฮ้ง จากรวมไทยสร้างชาติ อีก 16 แค่นี้ก็ 270 เสียง เกินครึ่งของจำนวนสส.ที่มีอยู่ทั้งหมดแล้ว

ถ้าเก็บละเอียด รวมทั้งพรรคไทยสร้างไทย พรรคเล็ก และ สส.แปรพักตร์ ทางภูมิใจไทย คุยว่าจะมีถึง 283 เสียง

ขณะที่อีกขั้ว “ภูมิธรรม เวชยชัย” รักษาการนายกรัฐมนตรี ก็นัดพรรคร่วมรัฐบาลเดิมมาหารือ เช็กความมั่นใจว่ายังเกาะกลุ่มกันแน่น เพียงแต่ขาดแกนนำพรรคกล้าธรรมไปเท่านั้น พร้อมประกาศว่า ขณะนี้ยังมีสถานภาพเป็นรัฐบาลอยู่

ณ ขณะนั้นใครๆ ก็คิดว่า “ชินวัตร” พังทั้งกระดานแล้ว จุดเปลี่ยนอยู่ที่ พรรคกล้าธรรม กับ“กลุ่มเสี่ยเฮ้ง” ย้ายข้าง และพรรคกล้าธรรม ก็ออกแถลงการณ์ว่าจะสนับสนุน “อนุทิน” เป็นนายกรัฐมนตรี

หรือประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย เพราะเหตุการณ์คล้ายๆ กับในอดีต ตอนที่ “เนวิน ชิดชอบ” พากลุ่มเพื่อนเนวิน ผละจาก ทักษิณ ไปหนุน “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี

ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ทำให้ “ขั้วอนุทิน” เป็นต่อทันที ว่าจะได้จัดตั้งรัฐบาล แกนนำพรรคแต่ละคน ก็ฝันหวานถึงตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะพรรคประชาชน ประกาศเงื่อนไขชัดว่า จะช่วยโหวตนายกฯ โดยไม่เอาตำแหน่งรัฐมนตรี โหวตเสร็จจะกลับไปเป็นฝ่ายค้านตามเดิม

ขอแค่ นายกฯคนใหม่ ต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน , ระหว่างนั้นต้องจัดทำประชามติ เรื่องการแก้ไขรธน. เพื่อนำไปสู่การจัดทำ รธน.ใหม่ทั้งฉบับ มี ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้ง แค่นี้พอ

ครม. มีเก้าอี้รัฐมนตรี 35 ตำแหน่ง รวมทั้งนายกฯ เมื่อพรรคประชาชน ซึ่งมีเสียงถึง 143 เสียง หรือครึ่งหนึ่งของรัฐบาล บอกไม่เอาเก้าอี้รัฐมนตรี นั่นหมายถึง จะมีเก้าอี้รัฐมนตรีจากส่วนนี้มาแบ่งกันถึง 17 ที่นั่ง...โอ๊ย! นี่มัน “ส้มหล่น” ของจริง คิดแล้วอยากโหวตนายกฯ ไวไว!

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
แต่แล้ว “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” เจ้าของพรรคส้มตัวจริง ก็ออกมาบอกว่า เมื่อเช้าวันที่ 30 ส.ค. “ทักษิณ ชินวัตร” โทรมาหา ขอให้ สส.พรรคประชาชน ช่วยยกมือสนับสนุนให้ “ชัยเกษม นิติสิริ” เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนเองก็ได้ตอบไปว่า พรรคประชาชน มีเงื่อนไขชัดเจน ที่ได้ประกาศออกไปแล้ว ใครรับเงื่อนไขได้ ก็พร้อมที่จะสนับสนุน

สถานการณ์กลายเป็นว่า ตอนนี้ “พรรคประชาชน” คือตัวแปรสำคัญ ที่จะเลือกโหวตให้ข้างไหนได้เถลิงอำนาจ

เพราะทั้งพรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย ต่างประกาศว่า พร้อมรับเงื่อนไขของพรรคประชาชน โดยไม่มีข้อแม้

ล่าสุด เมื่อวานนี้ (31 ส.ค.) “ภูมิธรรม เวชยชัย” รักษาการนายกฯ ก็พาแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลไปหารือกับแกนนำพรรคประชาชน ถึงรัง โดยมีเพียงแกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ไม่ได้ไปด้วย

เมื่อไปถึง ก็ได้รับการต้อนรับจาก “ติ่งส้ม” กลุ่มหนึ่งที่รอโห่ไล่ พร้อมชูป้ายแสดงออกว่าไม่ยินดีต้อนรับ แต่บรรดาแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ก็จำต้องทำเป็นมองไม่เห็น ไม่ได้ยิน

เพราะคนกลุ่มนี้ยังฝังใจ ที่ถูกพรรคเพื่อไทย “ตระบัดสัตย์” ฉีกเอ็มโอยู ไปจับมือฝ่ายอนุรักษ์นิยม “เครือข่าย 3 ป.” จัดตั้งรัฐบาล แล้วอย่างนี้ยังจะมีหน้า ซมซานกลับมาหาพรรคส้ม

ตอนนี้ ประชาชนคนไทยก็ได้แต่เฝ้าจับตาดูว่า พรรคประชาชน จะเลือกฝั่งไหน

ถ้าเลือก “ขั้วอนุทิน” ก็เห็นชัดๆ ว่า คนกลุ่มนี้ต้องการเข้าสู่อำนาจ เพื่อไปแก้ไขปัญหาที่ดินเขากระโดง ปัญหาฮั้วเลือกสว. ที่แกนนำพรรคโดนฟ้องร้องอยู่ เรียกว่าทำเพื่อตัวเองและพวกพ้องเป็นสำคัญ แถมในช่วงที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทยก็ขวาง เรื่องการทำประชามติ เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะ มาตรา 112 ที่ถูกคนของพรรคภูมิใจไทย อภิปรายชนิดสาดเสียเทเสีย แล้วอย่างนี้ ยังจะ “หน้ามึน” ไปให้การสนับสนุนอีกหรือ

ถ้าเลือก “ขั้วรัฐบาลเดิม” ก็เท่ากับสนับสนุนให้ “ระบอบทักษิณ” เดินหน้าต่อไป ทั้งๆ ที่ทำผิดจริยธรรมร้ายแรง จนศาลรธน.ต้องถอดถอน ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ก็ยังคงมีต่อไป แบบยอมเสียเปรียบเขมรอีกต่างหาก เรื่องแก้รัฐธรรมนูญก็เห็นๆกันว่าที่ผ่านมา 2 ปีกว่านั้น รัฐบาลพรรคเพื่อไทยคิดแก้หรือไม่ ยังมีปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องอีก

ครั้นมามองที่พรรคประชาชน ที่ดูเหมือนจะใจดี ยอมโหวตหนุนนายกฯ ฟรีๆ จะเป็นไปได้หรือ

ต้องไม่ลืมว่าคนของพรรคส้ม ยังมี “คดี 44ส.ส.” อยู่ที่ ป.ป.ช. ซึ่งถูกร้องว่า ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากเรื่องการเข้าชื่อยื่นแก้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 คาอยู่ ตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นพรรคก้าวไกล

ใน 44 ส.ส.ที่ถูกร้อง ปัจจุบันยังเป็น สส.พรรคประชาชน 25 คน เป็น สส.เขต 8 คน อาทิ ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ,เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร, ธีรัจชัย พันธุมาศ, ญาณธิชา บัวเผื่อน , จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ เป็นต้น

เป็น สส. บัญชีรายชื่อ 17 คน อาทิ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน , ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค ,นิติพล ผิวเหมาะ , ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล, ประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ , ณัฐวุฒิ บัวประทุม, วรภพ วิริยะโรจน์, วาโย อัศวรุ่งเรือง , วิโรจน์ ลักขณาอดิศร , สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ , รังสิมันต์ โรม

เรียกว่า ระดับแกนนำพรรค ยืนแถวหน้า เอ่ยชื่อมาก็มีคนรู้จัก

ถ้าโดน ป.ป.ช.ฟันโช๊ะ ขึ้นมาว่า ข้อกล่าวหามีมูล ก็ต้องส่งศาลฎีกาพิจารณา ถูกสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ ถ้าศาลฎีกา ตัดสินว่าผิดจริง คราวนี้ก็หมดอนาคตทางการเมืองไปเลย

นี่อาจจะเป็นวาระซ่อนเร้นของ “พรรคส้ม” ที่ไม่ได้หยิบยกขึ้นมาเป็นเงื่อนไขต่อรองบนดิน แต่อาจจะเป็น “ดีลลับ” ก็ได้
บางคนอาจคิดว่า รัฐบาลจะไปเกี่ยวอะไรกับ ป.ป.ช.ที่เป็นองค์กรอิสระ ในทางเปิดเผยอาจเกี่ยวไม่ได้ แต่ในทางลับ มีใครรับประกันได้เล่า

พรรคประชาชน บอกว่าจะมีการประชุมสส.ของพรรคในวันนี้ (1ก.ย.) เพื่อถกเหตุผลว่าควร จะหนุนฝ่ายไหน

โดยในการประชุมจะมีการเปิดโอกาสให้ สส.ได้แสดงความคิดเห็น แต่จะไม่มีการลงมติ “เพราะแกนนำพรรคได้ตัดสินใจไว้ก่อนแล้ว” เพียงแต่ยังอุบไว้ก่อน รอเวลาเหมาะสมค่อยบอก เรื่องประชุมนั้นเป็นแค่ “พิธีกรรม” เฉยๆ

การประชุมสภา เพื่อโหวตนายกฯ จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 3-5 ก.ย.นี้ ต้องรอดูกันว่า ในที่สุดแล้ว “พรรคส้ม” จะหนุนฝ่ายไหน หรือ จะไม่หนุนฝ่ายไหนเลย!


กำลังโหลดความคิดเห็น