อดีต กกต.ยกข้อกฎหมาย หลังศาลรัฐธรรมนูญฟัน ‘อิ๊งค์’ ผิดจริยธรรมร้ายแรง เท่ากับขาดคุณสมบัติเป็นหัวหน้าพรรค ย้ำเป็นหน้าที่นายทะเบียนพรรคการเมือง ส่งแจ้งเพื่อไทยจัดประชุมเลือกผู้นำใหม่ใน 60 วัน
วันนี้ ( 30 ส.ค. ) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร นักวิชาการ และอดีตกรรมการการเลือกตั้ง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า “มีเพื่อนที่เป็นอาจารย์สอนรัฐศาสตร์ตั้งข้อสังเกตมาว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ระบุว่า แพทองธาร มีพฤติกรรมขัดกับมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรงนั้น นอกจากพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว อาจมีผลต่อการต้องพ้นตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้วยหรือไม่”
ประเด็นทางกฎหมายที่น่าจะเป็นคำตอบมีดังนี้ ตาม พ.ร.ป. พรรคการเมือง 2560 มาตรา 15 (11) ระบุว่าข้อบังคับพรรคการเมือง จะต้องมีการระบุถึงมาตรฐานจริยธรรมของกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่อย่างน้อยต้องเทียบเคียงได้กับมาตรฐานทางจริยธรรมที่บังคับใช้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมาตรฐานที่บังคับใช้กับ สส. ก็เป็นมาตรฐานเดียวกับ สว. ของ ครม. ของ ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ เป็นมาตรฐานเดียวกับที่วินิจฉัยให้นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง
เมื่อเปิดข้อบังคับพรรคเพื่อไทย ที่ประกาศในราชกิจจา เมื่อ 7 มี.ค. 2562 ข้อ 48 วรรคท้าย เขียนไว้ว่า "คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของกรรมการบริหารพรรคให้เป็นไปตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง" จึงเป็นหน้าที่ของ เลขาธิการ กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองทำหนังสือแจ้งการขาดคุณสมบัติของหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และให้พรรคจัดประชุมใหญ่เพื่อเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ภายใน 60 วัน นี่คือ แพทองธาร Effects