“สม รังสี” ลากไส้จอมเผด็จการฮุนเซน กุมอำนาจคนเดียวมาตลอด 40 ปี แฉไม่จริงใจหยุดยิง สร้างปัญหาชายแดนกับไทย เพื่อปกป้องอาชญากรรมข้ามชาติ และเบี่ยงเบนปัญหาภายในที่แก้ไม่ได้มาที่ชายแดน เย้ยถ้าเลือกตั้งกัมพูชาสุจริตจริง ฮุนเซนแพ้แน่ ลูกชายเป็นเพียงหุ่นเชิด ไม่มีความสามารถใดๆ เชื่อจะอยู่ได้อีกไม่นาน แนะต้องปราบมาเฟียทุนเทาแหล่งเงินฮุนเซน-ฟื้นข้อตกลงสันติภาพปารีส สยบระบอบฮุนเซน
วันนี้ (28 ส.ค.) นายสม รังสี อดีตผู้นำฝ่ายค้านของกัมพูชา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการลี้ภัยอยู่ในสาธารณรัฐฝรั่งเศส ให้สัมภาษณ์กับ นายแมท ฮันต์ สื่อมวลชนอิสระ ถึงประเด็นความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา และบทบาทความเผด็จการของฮุนเซนในสถานการณ์นี้ ว่า กัมพูชาตกอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการมากว่า 40 ปีแล้ว ซึ่งไม่ใช่แค่ระบบพรรคเดียว แต่เป็นระบบ “คนเดียว” ที่ ฮุนเซนทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ดังนั้น จึงไม่สามารถเปิดให้ระบบมีเสรีภาพได้ เพราะถ้าอนุญาตให้มีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การชุมนุม ฯลฯ ระบอบของฮุนเซนจะล่มสลาย เช่นเดียวกับการเลือกตั้งเสรี และเป็นธรรม ที่ผ่านมา 30 ปี การเลือกตั้งในกัมพูชา ถูกควบคุม และบิดเบือนทั้งหมด ยกเว้นเพียงครั้งเดียวในปี 1993 ที่จัดโดยสหประชาชาติ ซึ่งครั้งนั้น ฮุน เซน กับพรรคของเขาแพ้การเลือกตั้ง ดังนั้น ถ้ามีการเลือกตั้งเสรี และโปร่งใสจริงๆ ฮุนเซน จะต้องแพ้อีกแน่นอน และประชาชนกัมพูชาก็รู้เรื่องนี้ดี
ส่วนแรงจูงใจของฮุนเซน เกี่ยวกับความขัดแย้งชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา นั้น นายสม รังสี เห็นว่า แรงจูงใจหลักเพียงอย่างเดียวของฮุนเซน คือ การยึดอำนาจเอาไว้ และทำทุกอย่างเพื่อรักษาอำนาจของตน เพราะถ้าสูญเสียอำนาจ ก็จะสูญเสียทุกอย่าง และอาจถูกลงโทษได้ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องใช้ความมั่นคงของอำนาจเด็ดขาด เพื่อรับประกันความคุ้มกันตัวเองจากความผิด เพราะฮุนเซน ได้กระทำความผิดหลายอย่างตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในอำนาจ ดังนั้น จึงไม่สามารถลงจากอำนาจได้ แม้ว่าจะลงจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการแล้วก็ตาม แต่ก็ยังแต่งตั้งบุตรชาย ฮุน มาแนต เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ที่จริงแล้ว ฮุนเซน ยังอยู่เบื้องหลังควบคุมทุกอย่าง และนำการบริหารปกครองของรัฐบาลปัจจุบันในพนมเปญอย่างแท้จริง
ส่วนที่อาจมีพรรคการเมืองบางพรรคในประเทศไทย ที่อาจมีบทบาท หรือมีส่วนช่วยฮุนเซน ในการทำให้สถานการณ์ระหว่าง 2 ประเทศสั่นคลอนนั้น นายสม รังสี อธิบายว่า ฮุนเซน ทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เพราะต้องการแบ่งแยกกลุ่มอำนาจในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมือง และความสัมพันธ์ระหว่างกัน แต่ก็ทำไม่สำเร็จ และการที่ฮุนเซน นำบทสนทนากับนายกรัฐมนตรีของไทยมาเปิดเผยนั้น ก็ถือว่า เป็นการกระทำที่มุ่งร้ายอย่างยิ่ง ถือว่าเป็นสิ่งที่เลวร้ายมากๆ และยังบอกอีกว่า จะแฉความลับส่วนตัวที่รู้ เมื่อครั้งที่มีความสัมพันธ์อันดีกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมย้ำว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใจร้ายจริงๆ ที่ตั้งใจจะเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของไทย แต่เรื่องนี้กับส่งผลร้ายย้อนกลับมาที่ฮุนเซนเอง
ส่วนอนาคตของสถานการณ์ทางการเมืองภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต จะสามารถลดทอนระบอบเผด็จการฮุนเซนลงได้จริงหรือไม่นั้น นายสม รังสี มองว่า ฮุนเซน ไม่เคยชนะการเลือกตั้งที่เสรี และเป็นธรรมใดๆ เลย และมักโกงการเลือกตั้งผ่านคณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติ ซึ่งอยู่ภายใต้อำนาจของฮุนเซนมาโดยตลอดต่างจากประเทศไทย ที่มีวิถีทางการเมืองที่เต็มไปด้วยสีสัน แต่การเลือกตั้งในไทยนั้นเป็นของจริง ทุกพรรคยอมรับกันหมด รวมถึงพรรคฝ่ายค้านด้วย แต่ในกัมพูชา ฝ่ายค้านจะถูกปราบปราม และไม่สามารถชนะการเลือกตั้งที่แท้จริงได้ และมักจะถูกกำจัด และไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการเลือกตั้งใดๆ ดังนั้น การเลือกตั้งกัมพูชา จึงไร้ความหมาย และไร้คุณค่า ดังนั้น ฮุนเซนจึงไม่มีความชอบธรรม และระบบการปกครองของฮุนเซน ก็ไม่มีความชอบธรรมเช่นเดียวกัน ซึ่ง ฮุน มาเนต เป็นเพียงหุ่นเชิดเท่านั้น ไม่มีบารมี ไม่มีบุคลิกภาพและความสามารถใดๆ เลย ดังนั้น ในความเป็นจริงแล้ว จึงแค่ทำตามที่พ่อผู้มีอำนาจของสั่งให้ทำเท่านั้น ดังนั้น จึงจ้องจับตาดูว่า ฮุนเซนต้องการอะไร และถ้าดูจากสไตล์ของก็พอจะเดาทางได้ และตนคิดว่า ฮุนเซน กำลังโดดเดี่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ และระบบของฮุนเซน จะอยู่ได้ไม่นาน
ส่วนสถานการณ์ชายแดน ที่กัมพูชายอมรับข้อตกลง 11 ข้อ จะช่วยให้สถานการณ์คลี่คลาย และฮุนเซน จะยอมจบลงแค่นี้จริงหรือไม่นั้น นายสม รังสี เชื่อว่า จะไม่จบเท่านี้ และข้อพิพาทชายแดนเป็นเพียงหนึ่งในหลายหลายประเด็นเท่านั้น ประเด็นที่แท้จริง ก็คือ เรื่องเงิน เพราะฮุนเซนไม่สามารถสนับสนุนการปราบปรามมาเฟียจีน ที่เคลื่อนไหวอยู่แถวชายแดนไทย-กัมพูชา ได้ ซึ่งการอยู่รอดของรัฐบาลฮุนเซน เกิดขึ้นจากรายได้ที่มาเฟียจีนจัดหาให้แก่พรรคการเมือง และครอบครัวของฮุนเซน ดังนั้น ฮุนเซนจึงตอบโต้เจ้าหน้าที่ของไทย หรือรัฐบาลใดๆ ในประเทศไทย ที่ต้องการจะปราบปรามแก๊งอาชญากรรมพวกนี้ ซึ่งจริงๆ แล้ว รัฐบาลฮุนเซน มีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับอาชญากรรมข้ามชาติ หากต่อสู้กับกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ ก็เท่ากับต่อสู้กับฮุนเซนทางอ้อม และฮุนเซน ก็จะแสดงท่าทีตอบโต้เช่นเดียวกับที่ทำกับประเทศไทย
ส่วน ฮุนเซน จะไม่ยอมหยุดยิงใช่หรือไม่นั้น นายสม รังสี มั่นใจว่า ไม่แน่นอนครับ เพราะฮุนเซน ต้องปกป้องพวกแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ ที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และเขาต้องการเบี่ยงเบนความสนใจจากปัญหาภายในประเทศที่แก้ไม่ได้มาเป็นเรื่องความขัดแย้งกับไทย แต่ประเด็นเหล่านี้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่สุด แต่ประเด็นหลักคือ รัฐบาลฮุนเซนจะอยู่รอดต่อไปได้อย่างไร
นายสม รังสี ยังเห็นว่า ในตอนนี้ปัญหาจริงๆ ไม่ใช่เรื่องชายแดน แต่เป็นเรื่องการเงิน ที่เกี่ยวกับการอยู่รอดของรัฐบาลฮุนเซน ที่ฮุนเซน ต้องการปกปิดสาเหตุที่แท้จริงของความขัดแย้งกับไทย แต่จำเป็นต้องทำให้คนที่ยังมองไม่เห็นความจริงนี้ ได้เข้าใจถึงสาเหตุที่แท้จริงของปัญหานี้ เพราะการจะแก้ไขปัญหาใดๆ ได้ ต้องเข้าใจก่อนว่า ปัญหาที่แท้จริงคืออะไร และวิธีแก้ปัญหานี้ คือต้องจัดการกับกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ ที่คอยหนุนหลังฮุนเซน และเรื่องอื่นที่ฮุนเซนพยายามให้ความขัดแย้งชายแดนแย่ลง ก็เป็นแค่เรื่องหลอกเท่านั้น แต่ต้องมุ่งไปที่ต้นตอของปัญหาจริงๆ ทั้งการจัดการกับอาชญากรรมข้ามชาติให้จริงจัง และวิธีทำให้เกิดสันติภาพที่แท้จริงและยั่งยืนได้ คือ การนำข้อตกลงสันติภาพปารีสว่าด้วยกัมพูชา ซึ่งลงนามในปี 2534 โดยประเทศเพื่อนบ้านของกัมพูชาทั้งหมด รวมถึงประเทศไทยด้วย และสมาชิกถาวร 5 ประเทศของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกลับมาใช้ และทำให้มีผลอีกครั้ง