"ไพร่เทียม" วอนทุกฝ่ายเคารพคำวินิจฉัยศาล รธน. 29 ส.ค. ไม่ว่าผลออกมาอย่างไร ชี้คลิปเสียงเป็นการจงใจของผู้มีอำนาจกัมพูชาสร้างความปั่นป่วน หวั่นหากรัฐบาลล้ม อีกฝ่ายอาจเปิดเกมรุกซ้ำ
วันนี้ (28ส.ค.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคดีคลิปเสียงระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ในวันที่ 29 สิงหาคม ว่า มาถึงวันนี้ทุกฝ่ายได้ปฏิบัติหน้าที่ตามกระบวนการยุติธรรมครบถ้วนแล้ว นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงทั้งรอบแรก ยื่นคำแถลงปิดคดี และแถลงด้วยตัวเอง ดังนั้นจากนี้จนถึงการอ่านคำวินิจฉัย ทุกฝ่ายควรติดตามด้วยความสงบ
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ย่อมมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่สิ่งสำคัญคือทุกฝ่ายต้องเคารพกระบวนการยุติธรรม และรักษาสถานะความเข้มแข็งของประเทศไว้เพื่อเผชิญกับภัยคุกคามจากต่างประเทศที่ยังคาดการณ์ไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของรัฐบาล หากนายกฯ จะรอดหรือไม่รอด นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ขอรอฟังคำวินิจฉัยก่อน เพราะการวิเคราะห์ก่อนหน้านี้อาจไม่ตรงกับข้อเท็จจริง แต่ไม่ว่าผลจะเป็นเช่นไร วันพรุ่งนี้ (29 ส.ค.) จึงจะเป็นจังหวะที่จะพูดได้ชัดเจนมากขึ้น
ส่วนประเด็นรัฐบาลจะเรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้อย่างไร นายณัฐวุฒิ ระบุว่า ทุกรัฐบาลย่อมเจอกับกระแสความนิยมทั้งขึ้นและลง สิ่งที่จะสร้างความศรัทธาได้คือผลงานที่จับต้องได้ หากรัฐบาลสามารถผลักดันนโยบายและแก้ปัญหาอย่างชัดเจนต่อสายตาประชาชน ความนิยมที่ลดลงย่อมมีโอกาสฟื้นคืน
นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวว่า กรณีคลิปเสียงนายกรัฐมนตรีเป็นเรื่องที่ผู้มีอำนาจในกัมพูชาตั้งใจสร้างขึ้นเพื่อปั่นป่วนและทำลายเสถียรภาพทางการเมืองไทย หากรัฐบาลชุดนี้ล้ม อาจถูกอีกฝ่ายอ้างเป็น “ความสำเร็จ” ของตน และช่วงที่ไทยขาดรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม อีกฝ่ายอาจเปิดเกมรุกเข้ามาอีกหรือไม่ก็ได้ แต่สิ่งที่กล่าวมาไม่ได้หมายถึงการชี้นำหรือแทรกแซงศาลรัฐธรรมนูญ เพราะที่สุดแล้ว ทุกคนต้องร่วมกันเคารพคำวินิจฉัย