กมธ.ทหาร เรียก มทบ.18-กรมพลาธิการ ทบ. แจงปมน้ำมันหาย 2 แสนลิตร ชี้ผลสอบสวนระบุไม่ทุจริต แต่สั่งซื้อมาคืนเอง เหมือน “นาฬิกายืมเพื่อน” ย้ำหากไม่ร่วมมือใช้ พ.ร.บ.อำนาจเรียกฯ
เมื่อเวลา 11.10 น. วันที่ 27 ส.ค. ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายเอกราช อุดมอำนวย ส.ส.กทม. พรรคประชาชน ประธานกมธ.ฯ และ นายเชตวัน เตือประโคน ส.ส.ปทุมธานี พรรคประชาชน รองประธานกมธ.ฯ แถลงถึงความคืบหน้ากรณีน้ำมันเชื้อเพลิงของหน่วยทหารใน จ.สระบุรี และ จ.นนทบุรี สูญหายจำนวนมาก
นายเชตวัน เปิดเผยว่า ช่วงปลายปี 2566 ผู้อำนวยการกองเชื้อเพลิงคนใหม่ตรวจพบว่าน้ำมันจาก กรมพลาธิการทหารบก จ.นนทบุรี หายไปกว่า 10,000 ลิตร และไม่กล้าเซ็นรับ จึงมีการสั่งซื้อน้ำมันจากเอกชนรายใหญ่จำนวน 9,000 ลิตร ลงวันที่ 9 พ.ย. 2566 เพื่อนำมาส่งในวันรุ่งขึ้น โดยผู้สั่งซื้อไม่ได้มีอำนาจตามตำแหน่ง ทำให้ถูกตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการซื้อเพื่อชดเชยน้ำมันที่หายไป ซึ่งต่อมาเรื่องถูกปิดเงียบ ไม่มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน กระทั่งมีกำลังพลร้องเรียนในเดือน ก.ค. 2568 กองทัพจึงตั้งคณะกรรมการสอบสวน และมีรายงานผลลงวันที่ 14 ก.ค. 2568 ระบุว่า มีการซื้อน้ำมันส่วนตัวมาคืนจริง แต่ไม่ถือเป็นการทุจริต
“เอกสารสอบสวนยอมรับว่าน้ำมันหายไปจริง แต่ซื้อมาคืนแล้วถือว่าไม่ผิด แบบนี้เท่ากับมาตรฐานเดียวกับนาฬิกายืมเพื่อนหรือไม่” นายเชตวันกล่าว พร้อมชี้ว่ากระบวนการไม่โปร่งใส เพราะไม่รายงาน ผบ.ทบ. และไม่สอบสวนตั้งแต่แรก
นายเชตวันยังเปิดเผยว่า น้ำมันดีเซลกว่า 215,000 ลิตร ของ มทบ.18 จ.สระบุรี ก็หายไปตั้งแต่ปี 2565 กมธ.ฯ เคยทำหนังสือสอบถามไปยังรัฐมนตรีและ ผบ.ทบ. ถึง 3 ครั้ง แต่ยังไม่เคยได้รับคำชี้แจงที่ชัดเจน จึงต้องส่งเรื่องต่อให้ ป.ป.ช. และ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ช่วยตรวจสอบ
ด้านนายเอกราช ระบุว่า วันพรุ่งนี้ (28 ส.ค.) กมธ.การทหารได้เชิญ มทบ.18 และ กรมพลาธิการทหารบก มาชี้แจง โดยหวังว่าจะให้ความร่วมมือ แม้ยังไม่ได้รับการตอบรับอย่างเป็นทางการ แต่หากไม่มาชี้แจง กมธ.จำเป็นต้องใช้ พ.ร.บ.อำนาจเรียกฯ ดำเนินการต่อไป.