xs
xsm
sm
md
lg

กรมบังคับคดี ปลื้มโพลปี68 ปชช.เชื่อมั่นพุ่ง97.20% ประกาศพร้อมช่วยเหลือดูแลลูกหนี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“กรมบังคับคดี”ฮอตสุด!โพลชี้ความเชื่อมั่นปชช.ปี68 พุ่งสูง97.20 % อธิบดีฯย้ำไม่ใช่แค่ยึดทรัพย์แต่คืนโอกาสใหม่ให้ชีวิตประชาชน ชูบริการดิจิทัล-ยุติธรรมเข้าถึงง่าย วอนลูกหนี้เข้าสู่กระบวน อย่าหนี อย่ากลัว พร้อมช่วยเหลือดูแล

วันนี้(21ส.ค.)นายเสกสรร สุขแสง อธิบดีกรมบังคับคดีร่วมกับ ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้ก่อตั้งซูเปอร์โพล สำนักวิจัยซูเปอร์โพล ร่วมกันแถลง ผลสำรวจ"ความเชื่อมั่นของประชาชนผู้รับบริการที่มีต่อกระบวนการบังคับคดีประจำปีงบประมาณพ.ศ.2568" โดยนายเสกสรร กล่าวว่า กรมบังคับคดีมีภารกิจหลักด้านการบังคับคดีแพ่ง คดีล้มละลาย การฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ การชำระบัญชี การวางทรัพย์และการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทชั้นบังคับคดีภายหลังศาลมีคำพิพากษาเป็นกระบวนการยุติธรรมทางแพ่ง โดยการดำเนินการตามขั้นตอนและตามกฎหมายให้ความเป็นธรรม โปร่งใส และอำนวยความสะดวกแก่คู่ความทุกฝ่ายในคดี โดยการขับเคลื่อนภารกิจกรมบังคับคดีภายใต้นโยบาย “ Driving Towards Justice With LED 7Gs” “บังคับคดีเชิงรุก สร้างสุขแก่ประชาชน นำพาความยุติธรรม” โดยมุ่งอำนวยความยุติธรรม ลดความเหลื่อมล้ำให้กับสังคมและประชาชน


ดังนั้น การนำความคิดเห็นจากผู้มารับบริการ ผู้มีส่วนได้เสียนำมาพัฒนาปรับปรุงให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานราชการและการบริการประชาชน ตลอดจนการสนับสนุนการปรับปรุงการให้บริการดียิ่งขึ้น โดยการเน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง จึงได้มีการสำรวจการวิจัย “โครงการสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนผู้มารับบริการที่มีต่อกระบวนการบังคับคดี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568” โดยมอบหมายให้ บริษัท ซูเปอร์โพล จำกัด เป็นผู้ดำเนินการ เพื่อให้การสำรวจ มีความเป็นมาตรฐาน เป็นกลาง และเป็นที่ยอมรับ ซึ่งกรมบังคับคดีจะได้มีการสำรวจความพึงพอใจของประชาชนผู้มารับบริการที่มีต่อกระบวนการบังคับคดีอย่างต่อเนื่องทุกๆ ปี เพื่อพัฒนาปรับปรุงการให้บริการ สร้างความเชื่อมั่นและความพึงพอใจของประชาชนผู้มารับบริการต่อไป

“งานของกรมบังคับคดี ไม่ได้มีเพียงการยึดทรัพย์หรือขายทอดตลาด แต่คือการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง” นายเสกสรร กล่าวและย้ำว่าความยุติธรรมในยุคนี้ ต้องไม่ใช่แค่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ต้องรวดเร็ว เข้าถึงง่าย และมีหัวใจ ซึ่งกรมบังคับคดีที่แท้จริง ไม่ได้เป็นเพียงหน่วยงานยึดทรัพย์ แต่คือ กลไกคืนศักดิ์ศรีและโอกาสครั้งใหม่ในชีวิตให้ประชาชนไทยอย่างเท่าเทียม "


อธิบดีกรมบังคับคดี ยังฝากถึงประชาชนที่เป็นลูกหนี้ ว่าไม่อยากให้กังวลว่าตนเองเป็นหนี้แล้วไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการ ไม่ว่าจะได้รับหมายหรือหนังสือเรียกก็ไม่มา จึงอยากขอให้เข้ามาหาเจ้าพนักงานบังคับคดี โดยกรมฯพร้อมจะช่วยเหลือไกล่เกลี่ยข้อพิพาท และเมื่อเข้าสู่กระบวนการท่านก็จะไม่ถูกยึดทรัพย์ จะไม่ถูกบังคับคดี หรือหากทรัพย์อยู่ระหว่างการขายทอดตลาดก็จะไม่โดนขายทอดตลาด ซึ่งทางกรมฯจะพยายามปรับปรุงกระบวนการต่างๆให้ง่าย ให้ทันสมัยสามารถใช้บริการได้ทุกที่ ทุกเวลาเพื่อบริการประชาชน

ด้าน ผศ.ดร.นพดล กล่าวว่า การวิจัยสำรวจในครั้งนี้ เป็นการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับความเชื่อมั่นและความพึงพอใจของกระบวนการบังคับคดีให้ครอบคลุม 6 กระบวนการ ได้แก่ 1. กระบวนการบังคับคดีแพ่ง 2. กระบวนการบังคับคดีล้มละลาย 3. กระบวนการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ 4. กระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทชั้นบังคับคดี 5.กระบวนการประมูลซื้อทรัพย์/การขายทอดตลาด และ 6. กระบวนการวางทรัพย์ โดยผลสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนผู้มารับบริการที่มีต่อกระบวนการบังคับคดี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จากกลุ่มเป้าหมายจำนวนทั้งสิ้น 3,554 ราย ทั่วประเทศ การสำรวจครั้งนี้ดำเนินการใช้วิธีการรวบรวมข้อมูล 3 ลักษณะ คือ 1.การสำรวจด้วยแบบสอบถาม 2.การสัมภาษณ์เชิงลึก และ 3. การจัดสนทนากลุ่ม

โดยจากการสำรวจพบว่า กว่าครึ่งหนึ่งมาจากหน่วยงานส่วนกลางคิดเป็นร้อยละ 58.13 และส่วนภูมิภาค ร้อยละ 41.87 โดยกลุ่มผู้ตอบที่มีสัดส่วนสูงสุดคือ เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ร้อยละ 38.11 รองลงมาคือ ลูกหนี้ตามคำพิพากษา ร้อยละ 28.10 และ ผู้เข้าประมูลซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาด ร้อยละ 13.33 ขณะที่กลุ่มอื่น ๆ เช่น ผู้รับจำนอง ร้อยละ 5.92 และผู้ร้องขัดทรัพย์ ร้อยละ 1.21 มีสัดส่วนค่อนข้างต่ำ สะท้อนถึงบทบาทที่หลากหลายของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อกระบวนการบังคับคดี

ส่วนผลการรับรู้ในภาพรวมพบว่าอยู่ในระดับสูงมาก โดยประชาชนรับรู้ดีที่สุดต่อการบังคับคดีแพ่งตามคำสั่งศาลร้อยละ 93.77 และ การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทชั้นบังคับคดี ร้อยละ 90.63 ขณะที่การฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้แม้มีความเข้าใจน้อยกว่า แต่ก็ยังอยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 74.00 แสดงให้เห็นว่าประชาชนตระหนักถึงบทบาทหลักของกรม แต่ยังต้องการการประชาสัมพันธ์เพิ่มในภารกิจที่มีความซับซ้อน เช่น กระบวนการฟื้นฟูกิจการ

ขณะที่กระบวนการที่ประชาชนเข้ารับบริการสูงสุดคือ การบังคับคดีแพ่ง ร้อยละ 58.41 รองลงมาคือ การประมูลซื้อทรัพย์และการขายทอดตลาด ร้อยละ 21.86 และ การบังคับคดีล้มละลาย ร้อยละ 18.91 สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนจำนวนมากยังคงเกี่ยวข้องกับคดีแพ่งและการจัดการทรัพย์สินเป็นหลัก

" ที่น่าสนใจ คือ ในกลุ่มกระบวนการบังคับคดีแพ่ง เครื่องมือที่ถูกใช้งานมากที่สุดคือ ระบบสอบถามสถานะคดี ร้อยละ 81.20 และ ระบบการยื่นคำร้องทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Filing ร้อยละ 73.10 ส่วนเครื่องมือที่มีการใช้งานน้อยลง เช่น ระบบรับเรื่องร้องเรียน ร้อยละ 66.52 สะท้อนว่าประชาชนเข้าถึงระบบสารสนเทศเพิ่มขึ้น แต่ยังมีบางส่วนที่ไม่ได้ใช้บริการดิจิทัล โดยเฉพาะในคดีฟื้นฟูกิจการซึ่งมีการใช้ระบบเพียง ร้อยละ 59.82–62.04 "

ทั้งนี้ในมิติของความพึงพอใจต่อระบบดิจิทัล พบว่าเกือบทุกเครื่องมือได้รับการประเมินว่าอยู่ในระดับ “มากที่สุด” โดย ระบบ e-Petition และระบบลงทะเบียนซื้อทรัพย์ล่วงหน้าในคดีแพ่งมีความพึงพอใจสูงถึง ร้อยละ 93.80 ส่วนในกระบวนการฟื้นฟูกิจการ ความพึงพอใจต่อ การยื่นคำขอจดทะเบียนผู้ทำแผน/บริหารแผนสูงสุดที่ ร้อยละ 95.00 และระบบ e-Petition สูงถึง ร้อยละ 95.20 ขณะที่กระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทออนไลน์ก็ได้รับการประเมินสูงถึง ร้อยละ 94.80


นอกจากนี้ ในด้านการเปรียบเทียบระหว่างความคาดหวังและความพึงพอใจสะท้อนว่า กรมบังคับคดีสามารถตอบสนองได้ใกล้เคียงหรือสูงกว่าความคาดหวังในหลายมิติ เช่น ด้านกระบวนการและขั้นตอนบริการ ความคาดหวัง ร้อยละ 89.20 แต่ความพึงพอใจอยู่ที่ ร้อยละ 90.00 ด้านการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ ความคาดหวัง ร้อยละ 90.20 ขณะที่ความพึงพอใจสูงกว่าเล็กน้อยที่ ร้อยละ 90.40 ด้าน e-Service ความคาดหวัง ร้อยละ 88.80 และความพึงพอใจ ร้อยละ 90.00 2

" เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน พบว่าความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นในทุกด้าน โดยภาพรวมจาก ร้อยละ 96.60 ในปี 2567 เพิ่มเป็น ร้อยละ 97.20 ในปี 2568 กระบวนการที่มีการเพิ่มขึ้นชัดเจนคือ การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทชั้นบังคับคดีจากร้อยละ 98.40 เป็น ร้อยละ 98.80 และ การฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ จากร้อยละ 97.60 เป็น ร้อยละ 98.00 สะท้อนถึงการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องของกรมบังคับคดี "

ผศ.ดร.นพดล กล่าวด้วยว่า กรมบังคับคดีได้รับความเชื่อมั่นและความพึงพอใจจากประชาชนในระดับสูงมาก โดยเฉพาะด้านความสามารถของเจ้าหน้าที่ ความโปร่งใสในกระบวนการ และความพร้อมของเครื่องมือดิจิทัลที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ แม้จะยังมีประเด็นที่ต้องพัฒนาต่อไป เช่น การขยายการรับรู้บทบาทในด้านการฟื้นฟูกิจการ และการเพิ่มการใช้งานระบบดิจิทัลในบางกลุ่ม แต่โดยภาพรวม การดำเนินงานของกรมถือว่าประสบความสำเร็จในการสร้างความไว้วางใจและยกระดับคุณภาพการบริการได้อย่างเป็นรูปธรรม


กำลังโหลดความคิดเห็น