วันนี้(15 ส.ค.)ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2569 สิริน สงวนสิน ส.ส.กรุงเทพ พรรคประชาชน อภิปรายงบประมาณกระทรวงพาณิชย์ ตามมาตรา 19 โดยระบุว่า แผนงานยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล แต่ปัญหาใหญ่คือการขาดยุทธศาสตร์ระดับชาติที่ชัดเจน มีความทับซ้อนระหว่างหน่วยงานและไม่มีองค์กรเจ้าภาพหลัก จึงทำให้การวางแผนงบประมาณของกระจัดกระจายไม่สอดคล้องกัน ต่างคนต่างทำ วัดผลในภาพรวมยาก แตกต่างจากแนวทางการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ของเกาหลีใต้ที่มีการขยายตลาดอย่างเป็นระบบและใช้เวลาในการสร้างฐานรากเป็นระยะเวลายาวนาน
สิริน กล่าวต่อไปว่า อย่างในยุทธศาสตร์ของ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ มีโครงการจัดทำเว็บไซต์ขายของชื่อ ‘ไทยเทรด’ งบประมาณ 10 ล้านบาท แต่ตนมีคำถามเรื่องตัวชี้วัดเชิงปริมาณ (Quantitative KPIs) เช่น หากประเมินจากเม็ดเงินลงทุน 10 ล้านบาท บอกได้หรือไม่ว่าจะเพิ่มจำนวนผู้ขายต่อผู้ซื้อได้กี่เปอร์เซ็นต์ บอกชัดๆได้หรือไม่ว่าจะเพิ่มผู้ขาย 20% หรือเพิ่มผู้ซื้อ 30% ภายใน 1 ปี เป็นต้น ในส่วนมูลค่าการซื้อขาย (GMV) ก็ควรมีข้อมูลยอดการซื้อขายปัจจุบันและเป้าหมายหลังพัฒนา ประเมินออกมาให้ชัดเจน เช่น หากปัจจุบันอยู่ที่ 500 ล้านบาท/ปี หลังโครงการนี้จะเพิ่มเป็น 800 ล้านบาท/ปี เป็นไปได้ไหม เช่นเดียวกับการวิเคราะห์ความคุ้มค่า (Cost-Benefit Analysis) ต้นทุนเทียบกับผลลัพธ์ หากเปรียบเทียบค่าใช้จ่าย 10 ล้านบาท กับผลประโยชน์เชิงเศรษฐกิจ เช่น มูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นเท่าไหร่, การจ้างงานจากธุรกิจที่เติบโตเท่าไหร่,ค่าใช้จ่ายต่อผู้ใช้งาน (Cost per User) เท่าไหร่ เช่น ปี 69 ลงทุน 10 ล้านบาทต่อ 250,000 ผู้ใช้ หรือประมาณ 40 บาทต่อคน สมมติว่าปีต่อไปเพิ่มผู้ใช้ใหม่ได้อีก 100,000 คน จะเหลือ 25 บาทต่อคนหรือไม่
ดังนั้น หากยืนยันว่าต้องลงทุนทำแพลตฟอร์มซื้อขายใหม่ด้วยงบ 10 ล้านบาท จะสามารถมีตัวชี้วัดโครงการที่ชัดเจนออกมาได้หรือไม่ ซึ่งถ้าไม่ได้ตนเสนอทางทางเลือกอื่นด้วยการไปใช้บริการแพลตฟอร์ม E-Commerce ที่มีอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์ เช่น การจัดทำ Marketplace ภายในแพลตฟอร์มที่มีฐานผู้ใช้เดิมเพื่อลดต้นทุน พัฒนาเฉพาะโมดูลสำคัญแทนการปรับทั้งระบบ เพื่อลดงบประมาณ แต่ยังสามารถบรรลุเป้าหมายให้เกิดการซื้อขายสินค้าไทยได้เหมือนเดิม