สส.ปชน.ถล่มงบเกษตรฯ 69 ซัดโครงการตลาดกลางพะเยา-ล้งแห่งชาติ ไม่ตอบโจทย์ เสี่ยงผูกขาด-ล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่เริ่ม
เมื่อเวลา 09.35 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานในการประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วาระ 2–3 เป็นวันที่ 2 โดยเข้าสู่การพิจารณามาตรา 14 งบกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นายวิทวิสิทธิ์ ปันสวนปลูก ส.ส.ลำพูน พรรคประชาชน อภิปรายถึงงบประมาณในส่วนขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) โดยระบุว่ามี 2 โครงการที่ไม่ตอบโจทย์เกษตรกรทั้งประเทศ และเสี่ยงใช้เงินภาษีอย่างไม่คุ้มค่า ได้แก่ โครงการตลาดกลาง จ.พะเยา และ โครงการล้งแห่งชาติ
สำหรับโครงการตลาดกลาง จ.พะเยา ในปีงบ 2569 อ.ต.ก. ของบ 84,623,500 บาท เพื่อสนับสนุนการตลาดให้เกษตรกร แต่กลับทุ่มงบ 41,321,500 บาท ลงในพื้นที่เดียวคือ จ.พะเยา ทั้งที่เมื่อโครงการแล้วเสร็จจะใช้งบรวมสูงถึง 168,169,000 บาท นายวิทวิสิทธิ์ตั้งคำถามว่าเหตุใดต้องกระจุกงบไว้ที่จังหวัดเดียว ภาคเหนือตอนบนมีถึง 8 จังหวัด และมูลค่าการส่งออกสินค้าการเกษตรของพะเยายังต่ำกว่าเชียงรายและน่านมากกว่า 3 เท่า อีกทั้งสินค้าหลักที่ลาวนำเข้าจากไทย เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ข้าวเปลือก และผลไม้สด พะเยามีส่วนแบ่งตลาดเพียง 8% ขณะที่ระบบโลจิสติกส์ก็อยู่ที่เชียงรายและน่าน ไม่ใช่พะเยา ซึ่งยังอยู่ไกลชายแดนกว่า ทำให้ต้นทุนขนส่งสูงขึ้น
นายวิทวิสิทธิ์ชี้ว่าการเลือกโครงการเช่นนี้อาจมีเหตุผลทางการเมืองมากกว่าเศรษฐกิจ เสี่ยงทำให้ตลาดกลางกลายเป็นการผูกขาด เกษตรกรจังหวัดอื่นต้องแบกค่าขนส่งเพิ่ม และหากโครงการไม่สำเร็จ จะกลายเป็น “ตลาดล้าง” ทำให้ภาษีหลายร้อยล้านบาทสูญเปล่า
ส่วนโครงการ ล้งแห่งชาติ อ.ต.ก. ตั้งงบ 11,612,000 บาท เพื่อศึกษาต้นแบบการสร้างล้ง โดยให้ อ.ต.ก. ทำหน้าที่เสมือนเอกชน แต่นายวิทวิสิทธิ์มองว่าเสี่ยงล้มเหลวตั้งแต่เริ่ม เพราะรัฐวิสาหกิจมีขั้นตอนจัดซื้อจัดจ้างล่าช้า เจ้าหน้าที่ขาดทักษะเชิงพาณิชย์ ทำให้ขายสินค้าไม่ได้มูลค่าสูงสุด อีกทั้งต้องพึ่งงบรัฐเป็นหลัก หากถูกตัดงบก็ต้องหยุดดำเนินการทันที
นายวิทวิสิทธิ์กล่าวว่า ทั้งสองโครงการนี้เป็นเพียงโครงการที่ดูดีบนกระดาษ แต่ใช้จริงไม่ได้ในชีวิตเกษตรกร จึงขอให้ตัดงบทันที และนำไปใช้สร้างโครงการที่ครอบคลุม ตรงจุด และตอบโจทย์เกษตรกรทั้งประเทศอย่างแท้จริง