xs
xsm
sm
md
lg

“สว.ภิญญาพัชญ์” ชี้ หนี้ครัวเรือนพุ่ง สะท้อนความเหลื่อมล้ำเชิงโครงสร้าง แนะรัฐบาล อย่าผลักปัญหาให้ประชาชนเอาตัวรอดเพียงลำพัง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันนี้ (14 ส.ค.) น.ส.ภิญญาพัชญ์ ศันสนียชีวิน สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนในปัจจุบัน ว่า สถานการณ์หนักมาก ซึ่งตัวเลขหนี้ครัวเรือนไม่ใช่เพียงตัวเลขทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่คือภาพสะท้อนของคุณภาพชีวิต ความมั่นคง และความเหลื่อมล้ำเชิงโครงสร้างที่ฝังรากลึกในสังคมไทย ตนเห็นด้วยอย่างยิ่งว่า การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนต้องดำเนินควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนทิศทางนโยบายเศรษฐกิจและสวัสดิการของรัฐ ต้องไม่ปล่อยให้ภาระหนี้เป็นเพียงปัญหาของปัจเจกหรือผลักให้ประชาชนต้องหาทางเอาตัวรอดเพียงลำพัง แนวคิดเรื่องการแก้หนี้เพื่อสร้างความเป็นธรรม ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน แต่เป็นภารกิจจำเป็นของรัฐบาล หากเราต้องการเห็นประเทศที่เดินไปข้างหน้าโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ตนสนับสนุนให้รัฐบาลเป็นเจ้าภาพอย่างจริงจังในการจัดระบบหนี้ครัวเรือน ทั้งด้านข้อมูล การเจรจาไกล่เกลี่ย และการออกแบบมาตรการเยียวยาให้เหมาะสมกับสภาพชีวิตของลูกหนี้แต่ละกลุ่ม โดยเฉพาะการจัดตั้งหน่วยงานกลางเพื่อบริหารจัดการหนี้ ตนมองว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่จะทำให้การแก้ปัญหานี้ไม่กระจัดกระจาย และไม่ติดอยู่กับอุปสรรคเชิงระบบที่แต่ละหน่วยงานต่างทำหน้าที่เฉพาะส่วนของตน

“หากเราจริงจังกับการแก้ปัญหานี้ในระยะยาว ต้องมีกลไกกลางที่ทำงานเชิงรุก ไม่ใช่แค่รอประชาชนมาร้องเรียน หรือเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมหลังจากหมดทางเลือก ขณะเดียวกัน ดิฉันขอเน้นย้ำว่าการสร้างภูมิคุ้มกันหนี้ให้ประชาชนต้องเริ่มจากระบบรายได้และสวัสดิการที่มีเสถียรภาพ และเรื่องหลักประกันรายได้ขั้นต่ำ ก็เป็นก้าวสำคัญของการคิดใหม่ต่อบทบาทรัฐในการสร้างความมั่นคงให้พลเมือง” น.ส.ภิญญาพัชญ์ กล่าว

น.ส.ภิญญาพัชญ์ ย้ำว่า การแก้ปัญหาหนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากเรายังคงนิ่งเฉยต่อพฤติกรรมการทวงหนี้ที่ไม่เป็นธรรม หรือระบบสินเชื่อนอกระบบที่กดขี่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลต้องแสดงเจตจำนงชัดเจนในการปราบปรามและควบคุมกลไกหนี้นอกระบบ และควรใช้อำนาจตามกฎหมายอย่างจริงจัง ไม่ปล่อยให้ความกลัวและการขู่เข็ญกลายเป็นเครื่องมือปกติของผู้ให้กู้รายใหญ่ การแก้ไขหนี้ครัวเรือนต้องเป็นวาระแห่งชาติและดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่เพียงการรณรงค์หรือมาตรการเฉพาะกิจตามฤดูกาล แต่ต้องเป็นโครงการระยะยาวที่มีงบประมาณรองรับ มีกลไกติดตาม และมีการประเมินผลอย่างต่อเนื่อง ประชาชนจำนวนมากไม่ได้เรียกร้องให้ล้างหนี้ แต่เขาเพียงต้องการระบบที่เป็นธรรม โอกาสในการเริ่มต้นใหม่ และชีวิตที่พอมีหวัง

“ไม่ใช่ต้องดำเนินชีวิตไปพร้อมกับความรู้สึกผิด และความหวาดกลัวว่าจะสูญเสียทุกอย่างเพราะดอกเบี้ยที่วิ่งเร็วกว่าความสามารถในการหาเลี้ยงชีพ” น.ส.ภิญญาพัชญ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม น.ส.ภิญญาพัชญ์ ระบุว่า การแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืนไม่ใช่หน้าที่ของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง แต่เป็นหน้าที่ที่เราจะต้องร่วมมือกันทั้งระบบ ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร ธนาคารแห่งประเทศไทย ภาคการเงิน การศึกษา ท้องถิ่น ที่สำคัญอย่างยิ่ง ต้องเริ่มต้นจากตัวเอง ตนเชื่อว่าทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่า ประเทศไทยควรเป็นสังคมที่ไม่มีใครต้องสิ้นศักดิ์ศรี เพียงเพราะเป็นหนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น