xs
xsm
sm
md
lg

ศบ.ทก.พบเขมรเสริมฐานที่มั่นแต่อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ จ่อนำคณะสังเกตการณ์ลงอุบลฯ พรุ่งนี้ เคาะถก RBC จันทบุรี-ตราด 16 ส.ค.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศบ.ทก.​เผยพบกัมพูชา​เสริมที่มั่นปฏิบัติการให้แข็งแรงขึ้น​ แต่อยู่ในเกณฑ์​ที่รับได้​ จ่อนำคณะสังเกตการณ์ชั่วคราว​ลงอุบลฯ พรุ่งนี้​ พร้อมดึง​ RMAC​ ร่วม​ TMAC​ กู้ทุ่นระเบิดร่วมกัน​ ด้าน กต.เชิญกรรมการอนุสัญญาออตตาวา​แจงข้อจริง​ปมทุ่นระเบิดศุกร์นี้​ เคาะประชุม​ RBC ชายแดนจันทบุรี​ -​ตราด​ 16 ส.ค.นี้ ย้ำยังดูแลแรงงานกัมพูชาในไทยตามกฎหมาย

เมื่อเวลา 12.10 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม​ และ นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ​ ศบ.ทก.​ ประจำวันพุธที่ 13 สิงหาคม​ 2568

พลเรือตรี ​สุร​สันต์​ กล่าวถึงสถานการณ์โดยทั่วไปของบริเวณชายแดนถือว่าอยู่ในสภาวะปกติ แต่ฝ่ายไทยได้มีการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง สังเกตเห็นการปฏิบัติของฝ่ายกัมพูชาเสริมที่มั่นแข็งแรงในพื้นที่​ปฏิบัติการตามแนวชายแดน แต่อยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้

ขณะที่การปฏิบัติของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวของอาเซียน ที่เป็นผลของการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) สมัยวิสามัญที่ผ่านมา​ โดยการนำของผู้ช่วยทูตทหารของประเทศอาเซียน ที่จะลงพื้นที่เพื่อสังเกตการณ์ผลกระทบต่างๆในพื้นที่ จนถึงความเป็นอยู่ของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ​ เพื่อแสดงความโปร่งใสและความจริงใจยืนยันการปฏิบัติของฝ่ายไทยว่าเป็นไปตามหลักปฏิบัติของสากล

โดยที่ประชุมศบ.ทก.​ ได้รับรายงานจากกองบัญชาการกองทัพไทย ว่ามีแผนที่จะนำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team: IOT)​ ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี​ ในวันพรุ่งนี้​ โดยจะมีการประชุมที่กองบัญชาการกองทัพไทย เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ผ่านมา เพื่อกำหนดแผนงานในการลงพื้นที่ และหลังจากการลงพื้นที่แล้วเสร็จ​ วันที่ 15 สิงหาคม 2568 จะมีการสรุปผลการดำเนินการ และทบทวนแผนการปฏิบัติ ที่จะทำเป็นแผนปฏิบัติต่อเนื่องในผู้ใดเป็นเวลาต่อไป

ขณะที่การเก็บกู้ทุ่นระเบิดและการเสริมสร้างความปลอดภัยในพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา ศบ.ทก.​ มีควาให่วงใยและหาแนวทางประสานความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่มีการวางในพื้นที่จำนวนมาก แต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบรับหรือความร่วมมือใดๆจากทางกัมพูชาเท่าที่ควร โดยล่าสุดได้ประสานผ่านกระทรวงการต่างประเทศ​ เพื่อขอให้ศูนย์อาเซียนเพื่อความร่วมมือในการปฏิบัติการเก็บกู้ทุนระเบิดเพื่อมนุษยธรรม​ หรือ RMAC ซึ่งกัมพูชาเป็นประธาน ซึ่งฝ่ายไทยขอให้ฝ่ายกัมพูชา​ และRMAC แสดงความจริงใจในการสนับสนุน ภารกิจเก็บกู้ทุกระบบทางแนวชายแดนนี้ด้วย เนื่องจากยังพบว่ามีทหารกัมพูชาลักลอบวางทุ่นระเบิดเป็นจำนวนมาก​ ซึ่งทุ่นระเบิดนั้นๆถือเป็นภัยคุกคามที่ไม่ใช่แก่กำลังพลทหารหรือฝ่ายความมั่นคงเท่านั้น แต่มีผลกระทบและเป็นอันตรายต่อบุคคล ประชาชนตามแนวชายแดน โดยแนวทางการทำงานจะให้​ RMAC ทำงานควบคู่กับการดำเนินการของ TMAC หรือศูนย์ปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดของไทยเพื่อเก็บกู้ให้ได้มากที่สุดและฟื้นฟูพื้นที่ให้มีความปลอดภัยโดยเร็วที่สุด

ขณะที่การลาดตระเวนในพื้นที่ต่างๆ ได้รับการประสานจากกองทัพบก​ โดยกองทัพภาคที่ 2 รับทราบมาว่าการลาดตระเวนต่างๆ อาจจะต้องมีการปรับแผนในการลาดตระเวน และใช้เทคโนโลยีต่างๆมาช่วยเสริมในเรื่องการตรวจพบตรวจจับทุ่นระเบิดในพื้นที่​ โดยขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าทางกองทัพมีการปฏิบัติและแก้ไขปัญหาต่างๆอย่างต่อเนื่องก่อนยังย้ำว่าภารกิจนี้เป็นการปกป้องชีวิตความปลอดภัยของประชาชนทุกคน กำลังพลทุกนายรวมถึงการรักษาอธิปไตยและความมั่นคงของชาติอย่างเต็มกำลังความสามารถ


ขณะที่คณะกรรมการชายแดนภูมิภาค (Regional Border Committee - RBC) ถือเป็นหนึ่งในข้อตกลง GBC ครั้งที่ผ่านมา 7 สิงหาคม 2568​ ด้วยกำหนดว่าให้มีการจัดการประชุมอ่าน RBC ภายใน 2 สัปดาห์ หลังจากที่มีการลงนามข้อตกลง ซึ่งทางกองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 รวมไปถึงกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ได้มีการหารือกับทางฝ่ายกัมพูชามาอย่างต่อเนื่องโดยล่าสุดได้มีการแจ้งมาว่าจะมีการกำหนดห้วงเวลาของการจัดการประชุม RBC​ของกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ในวันที่ 16 สิงหาคมที่จะถึงนี้ ส่วนกองทัพภาคที่ 1 และทัพภาคที่ 2 ยังอยู่ระหว่างการกำหนดห้วงเวลาที่ชัดเจน แต่เท่าที่ทราบมาอยู่ในห้วงเวลาปลายเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ ขอให้ประชาชนสบายใจและมั่นใจว่ากองทัพเป็นการประสานงานอย่างต่อเนื่อง

ด้วยหนึ่งในหัวข้อที่จะกำหนดไว้ในการประชุม RBC คือเรื่องของการเก็บกู้ทุ่นระเบิด จึงขอความจริงใจจากทางฝ่ายกัมพูชาในเรื่องการให้ความร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิดร่วมกัน

ขณะที่การช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดชายแดน ได้เรื่องดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยปัจจุบันและช่วยเหลือประชาชนแล้วได้บางส่วน และพิจารณาแนวทางการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ส่วนผู้ที่ได้ยังไม่ได้รับการเยียวยาทางกระทรวงมหาดไทยจะเร่งดำเนินการสำรวจและให้การช่วยเหลือต่อไป รวมทั้งภารกิจการเก็บกู้วัตถุระเบิดที่ยังคงตกค้างในพื้นที่จำนวนมากหน่วยงานด้านความมั่นคงทั้งทหารและตำรวจกำลังเร่งดำเนินการอย่างเต็มที่ จึงขอให้ประชาชนมั่นใจว่าเราจะช่วยเหลือประชาชนทุกคนอย่างทั่วถึง

ขณะที่การขอรับบริจาครั้วลวดหนามหีบเพลงให้กับหน่วยงานในพื้นที่รัฐบาลกำลังเร่งรัดดำเนินการในการใช้งบประมาณส่วนกลาง ในการจัดหารั้วลวดหนามหีบเพลงอย่างเร่งด่วน จึงขอให้ประชาชนมั่นใจในเรื่องของการดำเนินการดังกล่าวว่าเป็นการสนับสนุนภารกิจของกองทัพอย่างเต็มความสามารถโดยทางรัฐบาลพยายามเร่งรัดในเรื่องของการดึงเอางบประมาณส่วนกลางมาใช้ ปัจจุบันกองทัพกำลังรวบรวมความต้องการในการจัดหายุทโธปกรณ์และอุปกรณ์เพื่อทดแทนและเสริมขีดความสามารถ โดยกระทรวงกลาโหม จะเป็นผู้รับผิดชอบในการเร่งรัดรวบรวมความต้องการของกองทัพเพื่อดำเนินการจัดหายุทโธปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกอุปกรณ์ต่างๆให้กับกองทัพโดยเฉพาะหน่วยงานในพื้นที่ต่อไปอย่างเป็นการเร่งด่วน อย่างไรก็ตามขอขอบคุณธารน้ำใจของประชาชนทุกคนที่รวมใจกันไทยเป็นหนึ่ง ในการจัดหาลวดหนามในเวลาเร่งด่วนขณะนี้ นับว่าเป็นการร่วมกันแสดงออกถึงความรักความสามัคคีการสนับสนุนปกป้องอธิปไตยของชาติรวมทั้งความปลอดภัยให้กับประชาชน และกำลังพลในแนวหน้า


ด้านนางมาระตี​ กล่าวว่า การดำเนินการด้านการต่างประเทศ​ ในกรณีทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​ ในช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา​ น่าเสียใจว่าภายในไม่กี่วันมีเกิดเหตุ ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดถึง 2 ครั้ง เหมือนกับที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์ประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา เป็นการละเมิดอธิปไตยของไทยที่ขาดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศตามที่ ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติและละเมิดพันธะกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรืออนุสัญญาออตตาวา​ รวมถึงมีการทำหนังสือประท้วงไปยังทางการกัมพูชาเพื่อให้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ดังกล่าว

โดยสำหรับเวทีระหว่างประเทศ มีการทำหนังสือประท้วงการละเมิดอนุสัญญาออตอว่า ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก มีหนังสือถึงเลขาธิการสหประชาชาติ พร้อมเรียกร้องให้องค์การระหว่างประเทศที่ให้การช่วยเหลือเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิดแก่กัมพูชาเป็นจำนวนมาก พิจารณาทบทวนความช่วยเหลือดังกล่าว โดยคำนึงถึงการกระทำของฝ่ายกัมพูชาที่ละเมิดอนุสัญญา อย่างร้ายแรง โดยกระทรวงการต่างประเทศในชี้แจงให้ประชาคมโลกรับทราบถึงข้อเท็จจริงอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดและจะชี้แจงต่อไป โดยในวันศุกร์ที่ 15 สิงหาคมนี้ช่วงเช้า​ จ​ะเรียกรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา​เข้ารับฟังบรรยายสรุป เพื่ออธิบายข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ต่างๆเป็นการเฉพาะ ซึ่งเหตุการณ์ทั้งสองครั้ง ขัดต่อความจริงใจในการแก้ไขปัญหาและการตกลงเจรจาหยุดยิงเมื่อการ ประชุม GBC ครั้งที่ผ่านมา​ ซึ่งไทยได้ทำหนังสือทักท้วงต่อคณะผู้สังเกตการณ์ไปแล้ว เพื่อพิจารณาในเรื่องนี้


ขณะที่การดูแลแรงงานกัมพูชาในประเทศไทยตามที่มีกระแสข่าว เกี่ยวกับการเรียกเก็บเงินจากรายงานชาวกัมพูชาที่ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศ ว่าถ้ายึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาคกับกลุ่มแรงงานทุกสัญชาติมาโดยตลอด ด้วยคำนึงว่ารายงานกลุ่มนี้มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและสังคมไทย ในช่วงเวลานี้ฝ่ายไทยยังให้ความสำคัญกับการคุ้มครองแรงงานกัมพูชาเป็นพิเศษจากกลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดี ด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อให้มั่นใจว่าแรงงานกัมพูชาจะดำรงชีวิตในประเทศไทยได้อย่างปกติและยังว่าประธานที่เกิดขึ้นในเวลานี้ เป็นปัญหาระหว่างระหว่างรัฐบาลไม่ใช่ปัญหาของประชาชนที่อยู่ระหว่างการเร่งรัดแก้ไข

นางมาระตี​ ย้ำว่า​ ไทยมุ่งเน้นให้ข้อเท็จจริงทั้งแก่ประชาชนและประชาคมโลกสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการเจรจาต่อไปจึงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยึดตามข้อตกลงจากการประชุม GBC ที่ผ่านมาโดยเฉพาะในเรื่องของการป้องกันตอบโต้และไม่สร้างข้อมูลเท็จ รวมทั้ง ไม่เผยแพร่ข่าวปลอม โดยเฉพาะเรื่องการควบคุมพื้นที่และไทยละเมิดเงื่อนไขการเจรจาหยุดยิง


กำลังโหลดความคิดเห็น