xs
xsm
sm
md
lg

“เลขาธิการ มกอช.“ชื่นชม อย.ตรึงมาตรฐานห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดงเข้มงวด ปกป้องสุขภาพคนไทย จนไม่เคยเกิดการสูญเสียมากว่า 20 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันนี้(13 ส.ค.)นายสัตวแพทย์ ชัยวัฒน์ โยธคล เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.)กล่าวว่า ภายหลังจากที่ มกอช.ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU)กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)รวมไปถึง กรมอนามัย และสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.)เพื่อบูรณาการการดำเนินงานมุ่งสู่ความมั่นคงด้านอาหารและโภชนาการที่มีคุณภาพสูง ปลอดภัย และมีคุณค่าทางโภชนาการนั้น มกอช.ต้องขอแสดงความชื่นชมต่อการทำหน้าที่เชิงรุกของ อย.ที่ตรึงมาตรฐานและบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดงอย่างเคร่งครัดในอาหารสัตว์และผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ ซึ่งประเทศไทยได้ประกาศห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดง หรือสารเคมีกลุ่มเบต้าอะโกนิสท์ ในการเลี้ยงสัตว์มานานกว่า 20 ปีแล้ว

นายสัตวแพทย์ ชัยวัฒน์ กล่าวต่อว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์ ได้เดินหน้าสั่งห้ามเกษตรกรใช้สารเร่งเนื้อแดงโดยเด็ดขาด และทาง อย.ได้กำหนดให้อาหารทุกชนิดมีมาตรฐาน ต้องไม่พบการปนเปื้อนของสารเคมีกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์ และเกลือของสารกลุ่มนี้ โดยมีการกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ประชาชนได้บริโภคอาหารที่ปลอดภัยตามหลักมาตรฐานสากล ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานได้จับมือร่วมกันดำเนินมาตรการตรวจสอบและควบคุมอย่างเข้มงวด ตั้งแต่ต้นทางการผลิตจนถึงปลายทางการจำหน่าย เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจในความปลอดภัยของอาหารและสุขภาพของผู้บริโภค

เลขาธิการ มกอช.ยังกล่าวเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยงานภาครัฐ เกษตรกร ผู้ประกอบการ และประชาชน ร่วมมือกันรักษามาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารไทยให้มีคุณภาพ ปลอดภัย และเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ซึ่งการคุมเข้มเรื่องสารเร่งเนื้อแดงเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญที่จะช่วยยกระดับความเชื่อมั่นและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดโลกด้วย

“ผมขอขื่นชมและขอบคุณ อย.ที่ได้ดำเนินการตรวจสอบการใช้สารเร่งเนื้อแดงอย่างเข้มแข็งมาต่อเนื่อง จนสามารถปกป้องสุขภาพของคนไทย และยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับผู้บริโภคทั้งประเทศ ทำให้ในประเทศไทยยังไม่มีรายงานผู้ได้รับผลกระทบด้านสุขภาพหรือเสียชีวิตจากการบริโภคสารเร่งเนื้อแดงดังกล่าวเลย รวมถึงยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคทั้งในประเทศ และคู่ค้าต่างประเทศได้อย่างยั่งยืน” นายสัตวแพทย์ ชัยวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย
กำลังโหลดความคิดเห็น