ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ ผลงาน "พ่อเสี่ยหนู" เร่งออกโฉนดเขากระโดง "โสภณ ซารัมย์" สั่งให้ "รฟท." เงียบ หมากยึดที่การรถไฟ?!
ว่าด้วยประเด็นหลังจากรัฐบาลประกาศจะเดินหน้าเพิกถอนสิทธิ์ในพื้นที่ "เขากระโดง" ซึ่งใครๆ ก็รู้ว่าเป็นพื้นที่ตั้ง "ทำเลทอง" ของ "ตระกูลชิดชอบ" ขาใหญ่แห่งบุรีรัมย์ ตามคำพิพากษาศาล
ทว่าฝั่ง “เนวิน ชิดชอบ” และพรรคภูมิใจไทยเดินหมากโต้แย้งด้วยเหตุผลว่า รัฐไม่มีสิทธิ์เพิกถอน เพราะการรถไฟ(รฟท.) ไม่มีแผนที่แนบ ไม่มีการกำหนดเขตแดนที่แน่นอน
ขณะเดียวกัน ก็มีความพยายามทำให้สังคมเห็นว่าเป็น "เกมการเมือง" ที่ฝ่ายตรงข้ามตั้งใจกลั่นแกล้งสางแค้น!
งานนี้อย่างที่เคยบอก ใครจะกลั่นแกล้ง หรือสางแค้นใคร? ไม่สำคัญเท่ากับความจริงเป็นอย่างไร !?
"เขากระโดง" เป็น "มหากาพย์" ที่มีปัญหาเยื้อยื้อยาวนาน และถ้าไปไล่ย้อนดูการออกเอกสารสิทธิ เอาที่รถไฟไปเป็นของตนเอง มีการจัดวางหมากหลายปี มีทั้งนักการเมืองระดับชาติ, รัฐมนตรีที่ดูแลหน่วยงาน, และข้าราชการที่เล่นบท “ตอบหนังสือ”-"ตอบกรรมการ” ให้สอดรับกันทุกจังหวะ!
บรรดา "คีย์แมน"และ "ตัวละคร"เหล่านี้ ล้วนเกี่ยวโยงกับ เนวิน ชิดชอบ และ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อย่างชนิดปฏิเสธไม่ได้
หลักฐานเชิงประจักษ์ในช่วงปี 2554 จุดเริ่มต้น “เร่งรัดโฉนด" ทั่วประเทศ
นี่ก็เป็นผลงานของบิดาของ "เสี่ยหนู"
รัฐบาลยุคนั้นมี “ชวรัตน์ ชาญวีรกูล” เป็น รมว.มหาดไทย ได้มีโครงการเร่งรัดออกโฉนดที่ดินให้ครอบคลุมทั่วประเทศ 29 จังหวัด
จังหวัดบุรีรัมย์ ติดโผเต็มๆ มีการออกโฉนดกว่า 1,200 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ เขากระโดง ซึ่งเป็นที่ของการรถไฟฯ
ตอนนั้น ทั้งที่พื้นที่เขากระโดงเป็นของ รฟท. แต่ไม่มีการคัดค้าน
เพราะ คีย์แมนรฟท. ขณะนั้นอยู่ในกำกับของ "โสภณ ซารัมย์" รมว.คมนาคม คนของ “เนวิน” ทำให้เรื่องผ่านฉลุย
ส่วนคนชงที่มหาดไทย มีตัวละครสำคัญคือ "สุชาติ เต็งสุวรรณ" เจ้าของโครงการเร่งรัดออกโฉนดในฐานะ ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานการออกหนังสือสำคัญ กรมที่ดิน
ภายหลัง “สุชาติ” ผู้นี้เป็นคนเดียวกันที่ทำหนังสือตอบ "อนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ" อธิบดีกรมที่ดิน ณ ขณะนั้น ว่า “ไม่มีแผนที่แนบท้ายกฤษฎีกา” เพื่อยืนยันการอนุมัติออกโฉนด
วงในเชื่อว่า ตอนนั้นเป้าหมายคือ ทำให้ที่ดินเขากระโดงให้ “หลุด” จากสถานะของ รฟท.เพื่อให้ "ทำเลทอง" ของตระกูล "ชิดชอบ" สามารถเปลี่ยนมือเป็นกรรมสิทธิ์เอกชน ในที่สุด
เพราะฉะนั้น การออกโฉนดปี 2554 โดย "พ่อเสี่ยหนู" กล่าวก็คือ หมากสำคัญในการปูทางเชื่อมโยงกับขบวนการปูทางยึดพื้นที่เขากระโดง ของการรถไฟมาถึงทุกวันนี้นี่เอง
วันนี้…เกมอาจยังไม่จบ แต่กระดานเริ่มกลับข้างแล้ว! ...ด้วยสัจธรรมที่ว่า ความจริงมีหนึ่งเดียว!
++ ไม่รู้คิดได้ไง!! เด็กเพื่อไทย ขอศาลรธน.เลื่อนตัดสินคดี “นายกฯอิ๊งค์”ออกไป 6 เดือน
คดีความของ “สองพ่อลูก” ทักษิณ- แพทองธาร ชินวัตร ได้เวลานับถอยหลังแล้ว
โดย 2 คดีของ “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้พ่อนั้น คดี 112 ศาลอาญานัดตัดสิน ในวันที่ 22 ส.ค.นี้ ... ส่วนคดี “ป่วยทิพย์” ที่ชั้น 14 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดตัดสิน วันที่ 9 ก.ย.68
ว่ากันว่าคดีชั้น 14 ผู้ที่ไปให้ปากคำกับศาลนั้น เป็นไปในทางที่ “ไม่เป็นคุณ” กับทักษิณ ผลที่จะออกมา เลยอยู่ในอาการที่น่าเป็นห่วง
ส่วนคดีของ “แพทองธาร ชินวัตร” เรื่องคลิปเสียง คุยกับ “ฮุน เซน” ที่เข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงนั้น ทางศาลรัฐธรรมนูญได้ปิดการส่งคำชี้แจง แสดงหลักฐาน ไปเมื่อวันจันทร์ที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา หลังจากขยายเวลาให้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว
ปกติ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะมีการประชุมในวันพุธ ก็มีการลุ้นกันว่า วันพุธที่ 6 สิงหาคม ตุลาการฯ จะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาหารือเลยหรือไม่ หรือกำหนดวัดพิจารณากันเมื่อไร แต่ก็ไม่มีข่าวคราวความคืบหน้าอะไรออกมา
ทั้งนี้ เป็นเพราะช่วงวันที่ 4-9 ส.ค.68 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน 5 คน นำโดย “นครินทร์ เมฆไตรรัตน์” ประธานศาลรัฐธรรมนูญ มีภารกิจ นำคณะผู้อบรมหลักสูตร “ข้าราชการศาลฯ ระดับอำนวยการ รุ่นที่ 1” ไปศึกษาดูงานที่ประเทศอินเดีย
คราวนี้ก็เลยต้องมาลุ้นกันว่า วันพุธที่ 13 สิงหาคม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะมีการประชุมหารือในเรื่องนี้ หรือไม่
ถ้ามีการหยิบยกขึ้นมาหารือ ก็คาดหมายกันว่า ไม่วันพุธที่ 20 สิงหาคม หรือ วันพุธที่ 27 สิงหาคม น่าจะเป็นวันที่มีการพิจารณา วินิจฉัย ชี้ขาดในเรื่องนี้
ไม่ควรปล่อยให้ล่าช้ากว่านี้ เพราะเป็นคดีสำคัญและไม่ควรปล่อยให้ประเทศอยู่ในภาวะ มีแต่ “นายกรัฐมนตรีรักษาการ” นานเกินไป
ที่ผ่านมา อาจมีการมองกันว่า มีการดึงเวลาให้ล่าช้าออกไปเพื่อเปิดโอกาสให้ “แพทองธาร” ตัดสินใจลาออกเอง จะได้ไม่เสี่ยงกับการถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ซึ่งจะทำให้ตัวเองยัง “เป็นไพ่ที่มีค่า” ในทางการเมือง
ดั่งสำนวนบู๊ลิ้ม ที่ว่า “เหลือขุนเขาแมกไม้ไว้ มิต้องวิตกไร้ฟืนไฟ” คือ รู้ว่าแพ้แล้วควรรีบเผ่น...อย่าอยู่รอให้เขาเชือด!
จึงมีกระแสข่าวว่า “แพทองธาร” จะลาออกก่อนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน ซึ่งเรื่องนี้เมื่อผู้สื่อข่าวถามเจ้าตัว แต่เธอก็ไม่ยอมตอบ ... มีแต่บรรดาลิ่วล้อ ออกมาปฏิเสธแทนว่า ไม่มีการคุยถึงเรื่องนี้... ไม่มีการลาออก...
ในมุมของศาลรัฐธรรมนูญ ถ้า “แพทองธาร” ลาออก ศาลฯก็ไม่ต้องวินิจฉัย เนื่องจากเป็นการร้องเรื่องคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี เมื่อไม่มีสถานะเป็นรัฐมนตรีแล้ว ก็สามารถจำหน่ายคดีทิ้งได้ทันที
แต่ยังไม่ทันจะมีความคืบหน้าอะไรออกมาจากศาลรัฐธรรมนูญ “นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ก็ชิงออกมาเสนอความเห็น แบบที่ทำให้เพื่อนสส.ในพรรค แอบอิจฉาตาร้อน ว่าคิดมุกนี้มาได้ไง !!
“นพ.เชิดชัย” บอกว่า ถ้ามีการประชุมตุลการศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่13 สิงหาคม นี้ เรื่องที่คุยกัน ไม่ควรเป็นเรื่องที่ว่าจะพิจารณาตัดสินคดีเมื่อไร
แต่น่าจะคุยกันในประเด็นที่ว่า ควรชะลอการพิจารณาคดีนี้เอาไว้ก่อนดีไหม พร้อมทั้งให้ยกเลิกคำสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ของ “แพทองธาร” ให้กลับมามีอำนาจบริหารราชการแผ่นดินเหมือนเดิมดีกว่า เพราะช่วงนี้ประเทศชาติอยู่ในภาวะวิกฤต ทั้งปัญหาสงครามชายแดน ทั้งเรื่องภาษีการค้าสหรัฐฯ การปราบยาเสพติด รวมทั้งคดีเขากระโดงด้วย
ดังนั้น ควรหยุดคดีนี้ไว้สัก 6 เดือน เมื่อแก้ปัญหาต่างๆ ผ่านไปแล้ว ค่อยนัดตัดสินคดีอีกครั้ง การมีนายกรัฐมนตรีตัวจริง บริหารประเทศในภาวะวิกฤต ย่อมเป็นผลดีต่อประเทศ มากกว่ากว่า นายกฯรักษาการแน่นอน
เรื่องนี้ถ้าตุลกาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้ยินได้ฟัง แล้วได้แต่อมยิ้ม แต่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ “หมอเชิดชัย” เสนอมา
คดีที่ “สองพ่อลูก” ต้องลุ้นระทึก และอาจเป็นจุดเปลี่ยนของการเมืองไทย ก็เริ่มนับถอยหลังกันได้เลยว่าไม่เกินเดือนกันยายนนี้ แน่นอน