ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ คำมั่น"แม่ทัพกุ้ง"นับถอยหลังอีก 51วันเกษียณ จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด "ฮุนเซน" จิบสตาร์บักส์ อวดวงสวิง!
ชายแดนไทย-กัมพูชาล่าสุด หลังจากหยุดยิงก็ต้องขอส่งกำลังใจให้ครอบครัวกับทหารที่เหยียบกับระเบิดเมื่อวันก่อน
ตามฟอร์มฝ่ายกัมพูชา ตลบตะแลง เอาสีข้างเข้าถูเหมือนเคยไม่ยอมรับว่าเป็น "ทุ่นระเบิดใหม่" แต่ความจริงก็คือความจริง ที่ "แม่ทัพกุ้ง" พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันว่า เป็นบริเวณฐานเก่าของเขมรที่ถอนกำลังออกไปโดยที่ทหารไทยสามารถขับไล่ไป แต่มีการวางทุ่นระเบิดดักไว้ก่อนหน้านี้ เป็นระเบิดใหม่ ที่เราตรวจพบเช่นเดียวกับตอนที่เขามาวางแรกๆ
อัปเดตสถานการณ์ช่วงนี้จึงอยู่ในขั้นของการตรึงกำลังทั้งสองฝ่าย อยู่ในขั้นตอนของการเจรจาของทั้งสองฝ่าย แต่"แม่ทัพกุ้ง" ให้คำมั่นทหารของเราอยู่ตรงไหนก็จะอยู่ตรงนั้นไม่มีกลับไปที่เดิม คณะเจรจาเห็นด้วยทั้งหมด หลังจากนี้ไปเขมรจะว่ายังไงค่อยว่ากันอีกที
เรียกว่า ในระดับพื้นที่ ณ เวลานี้ยังไม่มีอะไรที่จะเกิดการปะทะกันระดับการใช้อาวุธ อีกทั้งยังไม่มีสิ่งบอกเหตุ
พล.ท.บุญสิน ยังว่า กัมพูชามีท่าทีที่เป็นมิตรขึ้น พยายามพูดคุยเจรจาให้สถานการณ์ตึงเครียดลดลงโดยเร็ว ปัจจุบันศูนย์อพยพทั้ง 4 จังหวัด เริ่มทยอยให้ชาวบ้านได้กลับไปยังภูมิลำเนา เข้าหมู่บ้านให้เฝ้าระวังในเรื่องของระเบิดหรือจรวดที่ตกลงในพื้นที่แล้วยังไม่ระเบิด ไม่ให้ประชาชนเข้าใกล้ เพื่อความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สิน
ส่วนสถานการณ์สองปราสาทที่เป็นจุดปะทะเดือดช่วงที่ผ่านมา
สำหรับ"ปราสาทตาเมือนธม” ตอนสู้รบกันนั้นฝ่ายทหารกัมพูชาพยายามเข้าไปยึดโดยใช้กำลังเป็นพัน ทว่า หลังปะทะกัน ฝ่ายไทยรักษาปราสาทตาเมือนธม เอาไว้ได้ แล้วได้ปิดปราสาท และกำลังพิจารณาว่า จะปิดตาย หรือปิดบางช่วงไม่ให้ขึ้นหรือไม่
ขณะที่ "ปราสาทตาควาย" จ.สุรินทร์ วันนี้ที่ปราสาทมีฐานทหารกัมพูชาอยู่ใกล้มาก และวางกำลังหน้าแนว ซึ่งเป็นปราสาทเดียว ที่ทหารเราตรึงกำลังและยังเข้าไม่ได้ แต่ "แม่ทัพกุ้ง" ยืนยันว่าปราสาทของเรา เราต้องเอากลับมาให้ได้!
ที่ผ่านมา "แม่ทัพภาคที่2" กรำศึกมาอย่างหนัก และภารกิจแต่ละวันก็แน่นเอียด เพราะธารน้ำใจจากแนวหลังสู่แนวหน้า หลั่งไหลมาไม่ขาดสาย
ทั้งสิ่งของอุปโภคบริโภคจำนวนมาก และเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ เพื่อใช้เสริมขีดความสามารถในการวางแผนและปฏิบัติภารกิจด้านความมั่นคงของชาติ
งานนี้ก็ต้องถือว่า "การทำหน้าที่" ของแม่ทัพกุ้งนั้น มีส่วนให้คนไทยและสังคมศรัทธาและช่วยกันสนับสนุนกิจการของกองทัพอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
แต่ก็น่าเสียดายที่ “พล.ท.บุญสิน” เหลืออายุราชการอีกไม่มาก
ฟังว่าในวันนี้ "แม่ทัพกุ้ง" ได้ลั่นวาจา อายุราชการของตนเองเหลืออีก 51 วัน จะขอทำหน้าที่แม่ทัพให้ดีที่สุด อนาคตหลังจากนั้น ยังไม่ได้คิด แต่ก็มั่นใจในน้องๆ จะสานต่อการทำหน้าที่ได้ดีเช่นกัน
หันไปดูสำหรับความเคลื่อนไหวฝั่งเขมรบ้าง บรรดาเหล่าทหารที่พลีชีพในสมรภูมิจากที่กองทัพภาคที่ 2 ประเมินน่าจะอยู่ที่ราว 3,000 นาย
หากพวกเขาเหล่านั้นมีญาณรับรู้ ก็ไม่รู้จะทำใจอย่างไร
เมื่อ“ฮุน เซน” ผู้สั่งการของพวกเขามีชีวิตด้วยความรื่นรมย์ไปวันๆ ล่าสุดก็โพสต์ภาพ จิบกาแฟสตาร์บักส์ และออกรอบ ตีกอล์ฟพร้อมข้อความระบุว่า หมอแนะนำ ให้ลดหวาน ดื่มกาแฟ STARBUCKS (0%) จากเดิมที่เคย ดื่มหวาน 100% นับตั้งแต่มี เหตุการณ์สู้รบชายแดน ต้องดื่มสตาร์บักส์ กาแฟดัง วันละ 2 แก้ว ตอนเช้าและตอนเย็น หวาน 0%
“ฮุน เซน” ที่ไม่สำนึกกับชีวิตทหารตัวเองยังชื่นชมวงสวิงของตัวเองยังทำได้ดี แม้ทำเอวตึงๆ อยู่บ้าง ก่อนจะออกตัวว่าแม้ตีกอล์ฟ ก็ยังพร้อมทำงานหากเกิดกรณีฉุกเฉินโดยเฉพาะเกี่ยวกับทหารที่ชายแดน
แหม...ฟิตๆ แบบนี้ ทำไมไม่ออกรบด้วยตนเองที่ชายแดนให้รู้แล้ว..แต่ไม่รู้จะรอดหรือเปล่านะ.!
++ จับตาเจรจารอบใหม่มีเรื่องเปิดด่าน ทั้งที่เขมรไม่ยอมคุยเรื่องเก็บกู้ทุนระเบิด-ปราบแก๊งคอลเซนเตอร์
ผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ หรือ GBC ที่ “พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์” รมช.กลาโหม รักษาการ รมว.กลาโหม ของไทย กับ“พล.อ.เตีย เสรย-ฮา” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กัมพูชา ที่มาเลเซียเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 7ส.ค.ที่ผ่านมา ได้ข้อยุติ
หลักใหญ่ใจความของข้อตกลงครั้งนี้ เป็นเรื่องการหยุดยิง หยุดยั่วยุ หยุดการเสริมกำลังเข้าพื้นที่ชายแดน หยุดการสร้างข่าวเท็จ และจะมีการ ประชุม GBC อีกครั้งภายใน 1 เดือน หลัง 7 ส.ค.68
แต่อีก 2 ประเด็น ที่ฝ่ายไทยยกขึ้นมาเป็นหัวข้อในการเจรจา ทางฝ่ายกัมพูชา กลับไม่ยอมตอบรับ คือ 1. ความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ที่ฝ่ายกัมพูชาได้วางไว้ และ 2. ความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการหลอกลวงออนไลน์ ที่หลอกคนไทย และประเทศอื่นในภูมิภาค สร้างความเสียหายอย่างกว้างขวาง
เพราะตามรายงานข่าวทางทหาร ระบุว่าในช่วงก่อนการปะทะ นอกจากฝ่ายกัมพูชาจะเคลื่อย้ายกำลังพลเข้ามาประชิดชายแดนแล้ว ยังวางทุนระเบิดไว้ สองชั้น... ชั้นแรกในพื้นที่ฝั่งไทย ที่กัมพูชารุกล้ำเข้ามาพยายามจะอ้างสิทธิเป็นพื้นที่ของตัวเอง จนทำให้ทหารไทยที่ออกลาดตระเวน เหยียบทุนระเบิด บาดเจ็บ ขาขาด และนำไปสู่การเปิดฉากปะทะ ในเช้าวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา
ส่วนอีกชั้น ได้วางในพื้นที่ชายแดนของกัมพูชาเอง เพื่อสกัดการรุกคืบของทหารไทย เมื่อเกิดการปะทะ แล้วฝ่ายกัมพูชา เพลี่ยงพล้ำ ต้องถอยร่น
เรื่องนี้หากฝ่ายกัมพูชา ยอมรับข้อเสนอฝ่ายไทยที่จะเคลียร์ทุ่นระเบิด นั่นก็เท่ากับเป็นการยอมรับว่า ตนเองได้ฝ่าฝืน “อนุสัญญาออตตาวา (Ottawa Convention)” ที่กัมพูชาเข้าร่วมเมื่อปี พ.ศ.2542 ซึ่งมีข้อห้ามในการผลิต ใช้ เก็บรักษา และส่งออกทุ่นระเบิดสังหารบุคคล พร้อมพันธกรณี ที่จะต้องกำจัดทุ่นระเบิดในดินแดนของตน และช่วยเหลือผู้ประสบภัย
จึงเป็นไปไม่ได้ที่กัมพูชาจะยอมเจรจาในเรื่องนี้
ทุ่นระเบิด ชนิด PMN 2 ที่ถูกนำมาใช้ในสมรภูมิรบครั้งนี้ พบได้ทั้งโดยพื้นที่รอบปราสาทตาควาย และภูมะเขือ ในจุดยุทธศาสตร์ทางทหาร รวมทั้งบริเวณ บ่อน้ำ มีทั้งใส่กระสอบไว้ และ ที่ฝังที่พื้นแล้ว พร้อมจะระเบิดได้ทันที เมื่อไปเหยียบ
ล่าสุด ที่เป็นหลักฐานชัดเจนว่ากัมพูชาลอบวางทุนระเบิดเอาไว้ตามแนวชายแดนฝั่งไทย คือ เมื่อวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา หลังบรรลุข้อตกลงหยุดยิงได้ 2 วัน ทหารไทยจาก ร้อย.ร.111 ได้นำกำลังพลลาดตระเวนเส้นทางเพื่อวางลวดหนามป้องกันพื้นที่บริเวณรอยต่อ ช่องโดนเอาว์ - กฤษณา จ.ศรีสะเกษ ก็ได้เหยียบทุ่นระเบิดอีก มีทหารได้รับบาดเจ็บ 3 นาย สาหัส 1 นาย คือ “จ.ส.อ.ธานี พาหา” ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด
นับเป็นครั้งที่ 3 ที่กองกำลังของไทย ประสบเหตุการณ์เช่นนี้ ในเวลาเพียงไม่ถึง1เดือน
เรื่องนี้ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้แต่แสดงความเสียใจกับเจ้าหน้าที่ ที่ได้รับบาดเจ็บ และย้ำว่าเจ้าหน้าที่ ต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น ต่อจากนี้จะเป็นเรื่องที่นำไปพูดคุยการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค หรือ RBC แม้จะไม่ใช่การยิงเข้ามาใหม่ แต่ก็เป็นหนึ่งหลักฐานที่เราจะเสนอให้เห็นว่า มีเรื่องนี้เกิดขึ้น และเตรียมให้กระทรวงการต่างประเทศของไทยยื่นประท้วงในเรื่องนี้
ขณะที่ “พล.ต.วินธัย สุวารี” โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้สังคมภายในประเทศ และในสังคมโลกทั่วไปเข้าใจได้ว่า การใช้อาวุธต่อกัน ยังคงมีอยู่ เป็นลักษณะของการพยายามที่จะใช้อาวุธต่อกันในแบบซ่อนรูป สิ่งนี้อาจนับเป็นอุปสรรคที่สำคัญต่อการดำเนินการในมาตรการหยุดยิง และการแก้ไขปัญหาในแบบสันติวิธี
ที่น่าติดตามคือ ท่าทีของ “แม่ทัพกุ้ง” พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ในเมื่อใช้สันติวิธีแล้วไม่ได้ผล ความอดทน อดกลั้น จะยังจำเป็นอีกต่อไปหรือไม่ ?!
ส่วนเรื่องความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการหลอกลวงออนไลน์ แก๊งคอลเซนเตอร์ ที่ฝ่ายกัมพูชา แสดงท่าทีเพิกเฉยนั้น ย่อมเป็นเรื่องที่คาดเดาได้เช่นกัน
เพราะเงินที่ได้จากขบวนการต้มตุ๋น หลอกลวง รวมทั้งพนันออนไลน์ บ่อนกาสิโน หลายแห่งที่เปิดตามแนวชายแดนนั้น เป็นที่แน่ชัดว่า มีเส้นทางไหลเข้าสู่ผู้มีอำนาจในกัมพูชา โดยเฉพาะ “ตระกูล ฮุน”
จึงไม่มีทางที่คนพวกนี้จะทุบหม้อข้าวตัวเอง
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีข่าวว่าในการเจรจา GBC ครั้งต่อไป จะมีการหยิบยกเรื่องการเปิดด่านชายแดนมาหารือด้วย
แต่ที่น่าเศร้าใจยิ่งกว่าคือ มีกระแสข่าวว่าทางรัฐบาลไทย มีท่าทีสนับสนุนการเปิดด่าน โดยอ้างเรื่องความเดือดร้อนและเศรษฐกิจชายแดน ทั้งๆที่ฝ่ายทหาร ไม่เห็นด้วย เพราะยังไม่เห็นความจริงใจจากฝ่ายเขมร
รัฐบาลไม่ได้สนใจเลยหรือว่า การเปิดด่าน เท่ากับเปิดให้คนไทยไปเข้าบ่อนกาสิโน ไปสนับสนุน ด้านการเงินให้กับ “ตระกูลฮุน” ให้มีกำลังมาสู้รบกับไทยอีก !