สภาองค์กรผู้บริโภค อุทธรณ์ประกาศกกพ. รับซื้อไฟฟ้าแพงเกินจริง ทำปชช.แบกรับค่าไฟ 6.5 หมื่นล. ชี้ไทยไม่เปิดประมูลแข่งกดราคาต่ำเหมือนชาติอื่น ย้ำควรซื้อไม่เกิน 1.20 บ./หน่วย "รสนา" จี้รบ.-ส.ส.หยุดเอื้อทุนพลังงาน แนะเปิดทางปชช.พักไฟ-ลดภาระค่าใช้จ่าย
วันนี้ (7ส.ค.) สภาองค์กรของผู้บริโภค แถลงการจัดทำรายงานการกระทำหรือละเลยการกระทำอันมีผลกระทบต่อสิทธิผู้บริโภคของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เรื่องประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ทำให้ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่สูงเกินจริง โดยได้ยื่นอุทธรณ์ และขอให้ กกพ. ชี้แจงข้อเท็จจริงดังกล่าวภายใน 60 วัน ขณะเดียวกันก็เตรียมส่งศาลปกครองเพื่อขอให้เพิกถอนประกาศดังกล่าว
นายไพศาล ลิ้มสถิตย์ นักวิชาการด้านกฎหมาย ระบุ การดำเนินการของสภาองค์กรของผู้บริโภคครั้งนี้ เป็นการผลักดันให้ทบทวนนโยบายการจัดซื้อไฟฟ้า และให้ความสำคัญกับการปกป้องผลประโยชน์ของผู้บริโภคเป็นอันดับแรก เพื่อไม่ให้ประชาชนต้องแบกรับค่าไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นอีกต่อไป
ทั้งนี้ในรายงานระบุว่าการที่ กกพ.ไม่เปิดให้แข่งขันราคา เร่งรัดรับซื้อไฟฟ้าจากกลุ่มทุนเอกชนเดิม และกำหนดเกณฑ์รับซื้อไฟฟ้าราคาอยู่ที่ 2.17 บาท/หน่วย ทำให้อัตราค่าไฟสูงเกินจริง ซึ่งพบว่าในเวลา 25 ปีประชาชนแบกรับภาระค่าไฟฟ้าสูงถึง 6.5 หมื่นล้านบาท ทั้งที่หลายประเทศใช้วิธีประมูล ซึ่งถูกกว่าประเทศไทยอย่างมีนัยสำคัญคือไม่ถึง 2 บาท/หน่วย และราคาลดลงตามลำดับ
ผศ.ประสาท มีแต้ม อนุกรรมการด้านบริการสาธารณะ พลังงานและสิ่งแวดล้อม สภาองค์กรของผู้บริโภค ได้ เปรียบเทียบราคาประมูลรับซื้อไฟฟ้าพบว่า บราซิล: ได้ที่ราคา 1.31 บาท/หน่วย ปากีสถานและอินเดีย: รับซื้อพลังงานแสงอาทิตย์และแบตเตอรี่ในราคาที่ต่ำลงเรื่อย ๆ ส่วนเวียดนาม: อยู่ที่ 1.70 บาท/หน่วย ที่สำคัญคือกัมพูชาที่เริ่มโครงการในราคา 1.32 บาท/หน่วย และปีล่าสุดเหลือ 0.90 บาท/หน่วย แต่ประเทศไทยอยู่ที่ 2.17 บาท
“ประเทศไทยอัตรารับซื้อไฟจากพลังงานโซลาร์ควรอยู่ที่ไม่เกิน 1.20 บาท/หน่วย ไม่ใช่ 2.17 บาท/หน่วย ซ้ำกีดกันประชาชนที่ผลิตไฟฟ้าได้จากหลังคาบ้าน ไม่ให้ฝากไฟในสายส่งเพื่อนำกลับมาใช้อีกด้วย”
ขณะที่นางสาวรสนา โตสิตระกูล ตั้งข้อสังเกตว่าการจัดซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่แพงกว่าทั่วโลก รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน และผลักภาระไปอยู่บนบ่าของประชาชนนั้น เป็นการกระทำที่มีผลประโยชน์แอบแฝงหรือไม่ และมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับทุนพลังงานที่สนับสนุนพรรคการเมืองใช่หรือไม่ พร้อมกับเรียกร้องให้ สส.ทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้านเคลื่อนไหวร่วมกันหยุดยั้งเรื่องนี้
นางสาวรสนา ยังขอให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่กำกับดูแล การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ประกาศนโยบายให้ประชาชนที่ผลิตไฟฟ้าเองในตอนกลางวันได้พักไฟในสายส่งเพื่อใช้ในตอนกลางคืนช่วยลดภาระค่าไฟให้กับประชาชน ทำให้ได้คะแนนนิยมก่อนยุบสภาอีกด้วย
“อย่าห่วงแต่กลุ่มทุนพลังงาน กลัวว่าจะขาดทุนกำไร ควรห่วงประชาชนด้วย เพราะถ้าเปิดให้ทำเช่นนี้ เท่ากับประชาชนพึ่งตัวเองและลดภาระค่าไฟฟ้าได้ทันที”