xs
xsm
sm
md
lg

“อนุทิน” ขู่อธิบดีที่ดินใหม่ยึด กม.ดูเขากระโดง เซ็นมั่วคุกมาแล้ว เชื่อ มท.1 ใช้มาตรฐานอัลไพน์ เด้งอธิบดี ปภ.ไม่เกี่ยวสายน้ำเงิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เสี่ยหนู” เตือนอธิบดีกรมที่ดินใหม่ ดูเขากระโดงตาม กม. ย้อนดูอดีตเซ็นสุ่มสี่สุ่มห้า-ทำให้เกิดความเสียหาย ติดคุกกันมาแล้ว ชี้ คนระดับ “บิ๊กอ้วน” พูดก็ต้องเชื่อ ใช้มาตรฐานเดียวกับคดีอัลไพน์ ปัด อธิบดี ปภ. ถูกเด้งไม่เกี่ยวเป็นสายสีน้ำเงิน บอกรู้อยู่เป็นเด็กใคร


วันนี้ (5 ส.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่หากอธิบดีกรมที่ดินคนใหม่เซ็นเพิกถอนโฉนดที่ดินเขากระโดง จะมีผลอย่างไรต่อไป ว่า ต้องดูตามกฏหมาย ถ้าสุ่มสี่สุ่มห้า เซ็นแล้วผิดกฎหมาย ทำไปด้วยเจตนารมณ์ที่ไม่บริสุทธิ์ จงใจทำให้เกิดความเสียหาย หรือเป็นการกลั่นแกล้งกัน ก็ให้ดูว่าในสมัยก่อนมีอธิบดีกรมที่ดิน อดีตปลัดกระทรวง ต้องถูกโทษจำคุกเรื่องแบบนี้เราก็เห็นกันมาหมดแล้ว เที่ยวไปเพิกถอนมติหรืออะไรต่างๆ ก็เห็นตัวอย่างกันมาหมดแล้ว ถ้าใครที่ทำเพื่อที่ต้องการจะมาดำรงตำแหน่งนี้ ก็ไม่มีใครห้าม และไม่มีอะไรมาห้ามให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบหรือความเสียหายไม่ให้เขาดำเนินคดีกลับ

ส่วนเรื่องที่ดินเขากระโดง จะอยู่แค่ระดับอธิบดีหรือฝ่ายการเมืองจะได้รับผลกระทบด้วยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ส่วนนี้ต้องไปถามผู้ที่เสียหาย

เมื่อถามว่า นายภูมิธรรม ประกาศใช้มาตรฐานเดียวกันกับกรณีที่ดินอัลไพน์ เชื่อหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าคนระดับท่านพูดก็ต้องเชื่อ แต่ขอให้ท่านทำให้เร็วเหมือนกับเรื่องเขากระโดง

เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่มีการเดินหน้าเพิกถอนที่ดินเขากระโดง ทำให้ 4 อธิบดีถูกโยกย้ายออกจากตำแหน่ง เหมือนเป็นการล้างบาง นายอนุทินกล่าวว่า อธิบดีกรมที่ดินขอย้ายตัวเองเพราะปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามข้อสั่งการ

เมื่อถามว่า อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดนโยกย้ายอีกหนึ่งตำแหน่ง นายอนุทิน กล่าวว่า ตรงนี้ไม่รู้ว่าโดนเรื่องอะไร เมื่อถามต่อว่า เป็นการตั้งใจล้างบางสายสีน้ำเงินหรือไม่นายอนุทินตอบทันทีว่า อธิบดีปภ. ไม่ใช่สายสีน้ำเงิน ซึ่งอธิบดีปภ.อยู่กับ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่เป็นเด็กติดตามกันมา ซึ่งตัวนายเสริมศักดิ์เองก่อนหน้านี้ก็มีข่าวว่าจะมานั่งเป็น มท.1 - มท.2 ด้วยซ้ำ อันนี้จึงไม่เกี่ยวกับสายสีน้ำเงินแน่นอน และไม่เกี่ยวกับตนแน่นอน เพราะใครๆ ก็รู้ว่าอธิบดีปภ. ทำงานมาตั้งแต่เป็นรุ่นเด็กอยู่แล้วว่าอยู่กับใครมา

เมื่อถามว่า สุดท้ายที่ดินเขากระโดง มองว่า ต้องรื้อหรือจะยื้อกันไปอีกนาน นายอนุทิน กล่าวว่า ตนไม่รู้ว่าจะใช้คำว่ายื้อถูกหรือไม่ เพราะเรื่องพวกนี้ เป็นเรื่องของกฎหมาย สมัยตนอยู่กระทรวงมหาดไทยก็ยัง เรียกอธิบดีกรมที่ดิน มาถาม ว่าถ้าตนไม่ใช่มท.1 ผลจะเป็นแบบนี้หรือไม่ ท่านก็ยังยืนยัน นอนยัน นั่งยัน ว่าก็เป็นแบบนี้ ไม่ว่าใครจะมาเป็น มท.1 ผลของคณะกรรมการมาตรา 61 ก็เป็นเช่นนี้ ตนยังบอกให้ทุกคนเป็นพยานบันทึกกันไว้ ซึ่งตนก็มีบันทึกไปที่ปลัดกระทรวงมหาดไทย ขอให้ดำเนินการทุกอย่างในเรื่องนี้ เพราะเป็นที่สนใจของประชาชน และเป็นเรื่องที่มีความกังขา ขอให้ทำให้ถูกต้องทุกอย่าง ใครที่คิดว่าทำถูกต้องตามกฏหมายก็ทำไป และรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองได้กระทำ ถ้าทำไม่ผิดมันก็ไม่ผิด

เมื่อถามว่า ถ้าประชาชนที่ได้รับโฉนดอย่างถูกต้อง ถูกเพิกถอนสิทธิ จะมีคำแนะนำอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ควรต้องหาวิธีแก้ไขกันต่อไป เพราะไม่ใช่แค่ชาวบ้าน แต่เศรษฐกิจก็จะพังไปหมด ซึ่งที่ดินส่วนใหญ่มีโฉนดหมดแล้ว คงไม่มีใครโง่ที่จะซื้อที่ดินที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เรื่องของที่ดินไม่ใช่การโอนเฉพาะ 2 ฝ่าย เจ้าหน้าที่กรมที่ดินต้องรับรู้ ไม่ใช่ว่าโอนวันนี้อีก 3 ปี 5 ปี จะไปเพิกถอน ไม่เช่นนั้นจะไม่มีใครกล้าลงทุน

“หากไม่ลงทุน ทุกอย่างก็กระจุกอยู่ในเมืองใหญ่ๆ เอาชัวร์ๆซื้อบนถนนสีลม สุขุมวิท เท่านั้นหรือ อีกหน่อยตำบลปากช่อง เขาค้อ สันกำแพง ก็ไม่มีใครกล้าไปลงทุน ถ้าทำแบบนี้ ทุกอย่างต้องมีความชัดเจน”

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า รัฐธรรมนูญมีการคุ้มครองอยู่แล้ว แต่บางคนก็ตีลูกมึนไปทำความเดือดร้อนให้ประชาชน ขออย่าลืมว่าเขากระโดงมีกว่า 900 ครอบครัว ไม่ใช่จ้องแต่ครอบครัวการเมือง แล้วได้รับผลกระทบไปด้วยก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร

ส่วนจะให้มีการฟ้องร้องกลับหรือไม่นั้น นายอนุทิน บอกว่า ตนไม่มีที่ดินตรงนั้น คงตอบแทนไม่ได้ แต่เห็นว่ารัฐบาลควรมีมาตรการคุ้มครอง ไม่ใช่พอถึงเวลาก็เอาเงินภาษีประชาชนมาเวนคืน

ส่วนกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ลงพื้นที่ตรวจสอบสนามบินขนงพระว่า อาจรุกล้ำทางสาธารณะนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ประเด็นนี้ก็ให้หน่วยงานตรวจสอบ และมีเอกสารหลักฐานที่จะต้องไปชี้แจง

เมื่อถามต่อว่า ดีเอสไอควรจะไปตรวจสอบรีสอร์ทบนที่ดินของ น.ส.แพทองธาร ด้วยหรือไม่ นายอนุทิน หัวเราะ พร้อมย้อนว่า “ชอบถามแบบนี้” ก่อนกล่าวต่อว่า หากจะทำก็ต้องทำให้เท่าเทียมกันทุกคน แต่การเที่ยวไปตรวจที่ตรงนั้นตรงนี้ แล้วอีกหน่อยใครจะกล้าลงทุน เศรษฐกิจก็นิ่งหมด พร้อมย้ำว่า เศรษฐกิจดีขึ้น เพราะมีการเปลี่ยนมือ การลงทุน การขาย การได้กำไร คนถึงจะไปจับจ่ายใช้สอย ใช้เงิน เศรษฐกิจต้องหมุนด้วยเงิน

ฉะนั้น หากทำแบบนี้ อีกหน่อยมีคนนำที่ดินต่างจังหวัดมาขายใครจะกล้าซื้อ แล้วโฉนดถูกต้องหรือไม่ใครจะทราบ เพราะบางโฉนดออกมาตั้งแต่ พ.ศ. 2480 จะไม่ถูกได้อย่างไรก็ต้องอนุมานว่าถูกไว้ก่อน จึงขออย่าใช้กลไกทางราชการมากลั่นแกล้งทางการเมือง แบบนี้ถือว่าไม่มีประโยชน์ เพราะหากมีการเปลี่ยนขั้วเปลี่ยนข้างก็โดนกลับ ประเทศไทยก็ไม่สงบสุข “ทีนี้รู้หรือยังทำไมประเทศไทยไม่สงบสุข เพราะคนแบบนี้ไง”


กำลังโหลดความคิดเห็น