โฆษกรัฐบาล เผย เร่งจัดชุด EOD ตรวจทำลายวัตถุระเบิดต่อเนื่อง ขอปชช.เช็คข้อมูลจากทางราชการก่อนกลับบ้าน ย้ำประกาศห้ามบินโดรนทั่วไทย ฝ่ายความมั่นคงเร่งคุมเข้มขอความร่วมมือแจ้งเบาะแส กองทัพยันกรณีโดรนตกที่สุรินทร์ของไทย ส่วนตกที่โคราชอยู่ระหว่างตรวจสอบ
วันนี้ (4ส.ค.) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 ฝ่ายกัมพูชาได้ลอบวางทุ่นระเบิดในพื้นที่ชายแดน และมีเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบระเบิด และกัมพูชาได้ใช้อาวุธสงคราม หลายจุดตลอดแนวชายแดน ส่งผลจนถึงปัจจุบันยังมีวัตถุอันตราย และวัตถุต้องสงสัย ตกหล่นอยู่ในพื้นที่สาธารณะใกล้บ้านเรือนประชาชน ขอให้ประชาชนชะลอการเดินทางกลับที่พัก โดยเฉพาะที่จังหวัดสุรินทร์และศรีสะเกษ ขอให้ตรวจสอบกับนายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่เพื่อความปลอดภัย
ทั้งนี้ หน่วยเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (EOD) ทั้งหน่วยทหาร ตำรวจ และทุกหน่วยที่มีหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ซึ่งได้รับความเสียหายจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และพบวัตถุต้องสงสัยหลายจุด โดยจะได้เข้าทำตรวจสอบ พิสูจน์ทราบ เก็บกู้ และเคลียร์พื้นที่จากวัตถุระเบิดที่ยังไม่ระเบิด โดยย้ำความปลอดภัยของประชาชนคือภารกิจที่สำคัญที่สุด
นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า กองทัพได้จัดชุดทำลายล้างวัตถุระเบิด หรือ EOD เข้าตรวจสอบเพื่อทำลายวัตถุระเบิดที่ยังตกค้าง ซึ่งได้ทำลายไปแล้ว 17 พื้นที่ คงเหลือ 63 พื้นที่ (ณ วันที่ 3 สิงหาคม 2568 เวลา 14.00 น.) ขณะที่จังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัดสุรินทร์ ได้ออกคำสั่งด่วนที่สุดถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการ พร้อมขอให้อำเภอ ยึดหลักปฏิบัติ “พิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง” ในระดับสูงสุดเมื่อเย็นวานนี้ (วันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 18.00 น.) ดังนี้
1. ประชาสัมพันธ์ขอให้ประชาชนงดกลับเข้าภูมิลำเนาพื้นที่ใกล้ชายแดนจนกว่าจะมีประกาศจากทางราชการ และขอให้ประชาชนติดตามรับฟังข้อมูลข่าวสารจากทางราชการเป็นหลัก
2. ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ออกตรวจสอบพื้นที่ หากพบวัตถุระเบิดหรือสิ่งแปลกปลอมอื่นใด จากเหตุที่มีการสู้รบในพื้นที่ ขอให้ใช้ความระมัดระวัง และให้รีบรายงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยทหารในพื้นที่ เข้าดำเนินการตรวจสอบและทำลาย
3. กรณีมีเสียงดังคล้ายระเบิดในพื้นที่อำเภอชายแดน อย่าได้ตื่นตกใจเนื่องจากเป็นการเก็บกู้และทำลายระเบิดที่ตกค้างในพื้นที่ของเจ้าหน้าที่
4. กรณีพบเห็นอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) บินในพื้นที่ขอให้แจ้ง ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หรือแจ้งสายด่วนความมั่นคง 1374 ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ จังหวัดจันทบุรี ได้ขอความร่วมมือจากเครือข่ายภาคเอกชนที่ใช้โดรน (ภาคเกษตร สันทนาการฯลฯ) หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ หรือมีอุปกรณ์ เทคโนโลยี หรือนวัตกรรมในการตรวจจับ ป้องกัน หรือต่อต้านการใช้งานโดรน (Anti-Drone) ให้ติดต่อหรือประสานข้อมูลกับ หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจังหวัดจันทบุรี (ฉก.นย.จันทบุรี) เพื่อการมีส่วนร่วมในการสร้างความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินในพื้นที่ด้วย
“หากพบวัตถุต้องสงสัยว่าอาจเป็นวัตถุระเบิดให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ทันที ห้ามเคลื่อนย้าย หรือสัมผัสโดยเด็ดขาด และควรรีบออกจากพื้นที่เสี่ยงโดยเร็วที่สุด”
นายจิรายุ ยังย้ำถึง มาตรการของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หรือ CAAT ซึ่งออกประกาศด่วน ห้ามทำการบินหรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน (โดรน) ทุกประเภทในพื้นที่ทั่วประเทศ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค.2568 จนถึงวันที่ 15 ส.ค.2568 หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศ โดยผู้ใดฝ่าฝืนจะต้องระวางโทษตามพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ.2497 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งอาจมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ ขอความร่วมมือจากภาคเอกชนที่ใช้โดรน เช่น ภาคเกษตรกรรม ประสานแจ้งข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อความมั่นคงและความปลอดภัยในพื้นที่
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีการพบโดรนต้องสงสัยบินเข้ามาในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2568 นั้น พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงว่า โดรนดังกล่าวเป็นของฝ่ายไทย ใช้เพื่อการตรวจการณ์และทดสอบระบบตามภารกิจ ไม่เกี่ยวข้องกับภัยคุกคามจากต่างชาติแต่อย่างใด โดยจำเป็นต้องลงจอดฉุกเฉินเนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย สำหรับกรณีพบเห็น การบินโดรนในพื้นที่อื่นๆ นั้น รัฐบาลได้สั่งการหน่วยความมั่นคงตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน
“รัฐบาลและหน่วยงานด้านความมั่นคงทุกระดับให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยของประชาชนและอธิปไตยของชาติ และขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการเฝ้าระวังและแจ้งเบาะแส เพื่อไม่ให้ผู้ไม่หวังดีใช้เทคโนโลยีละเมิดกฎหมายหรือกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ หากประชาชนพบเห็นโดรนต้องสงสัย หรือพฤติกรรมที่อาจละเมิดประกาศฯ ขอให้แจ้งศูนย์แจ้งเหตุใกล้พื้นที่ เช่น สถานีตำรวจ หน่วยทหาร หรือสายด่วนความมั่นคง 1374 ตลอด 24 ชั่วโมง” นายจิรายุ กล่าว