รมต.สำนักนายกฯ เชื่อคดี "พิเชษฐ์" ไม่เกิดซ้ำรอย ปมมีคนร้องถอด ‘ครม.-สส.ยกชุด’ เหตุโหวตผ่านงบทำดิจิทัลวอลเล็ต ชี้ ยังไม่มีข้อเท็จจริงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการพิจารณางบฯ
วันนี้ (4ส.ค.) นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 พ้นสมาชิกภาพ เนื่องจากกระทำขัดต่อมาตรา 144 จะมีการกำชับเรื่องการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 สภาผู้แทนราษฎร อย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอย ว่า คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญคล้ายจะชี้ว่านายพิเชษฐ์มีส่วนกับการแปรญัตติ ศาลจึงวินิจฉัยไปตามนั้น
เมื่อถามถึง กรณีที่มีผู้ร้องว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งคณะ รวมถึง สส.ทั้งสภา กระทำผิดมาตรา 144 สืบเนื่องจากการพิจารณาเห็นชอบงบประมาณในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนั้น นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ตามที่ตนจับหลักการจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้ว่า ถ้า พ.ร.บ.งบประมาณฯ ผ่านสภาไปแล้ว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ลงพระปรมาภิไธยแล้ว ศาลจะไม่ไปยุ่ง ดังนั้น ศาลจึงไม่รับคำร้องในส่วน พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2568 เนื่องจากเป็นกฎหมายแล้ว มีการลงพระปรมาภิไธยแล้ว ศาลจึงรับคำร้องเฉพาะร่าง พ.ร.บ. งบประมาณฯ ปี 2569 ที่กำลังพิจารณาอยู่
นายชูศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่มีผู้ร้องต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นการร้องทั่วไปหมดทั้งร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ตั้งแต่ปี 2568 ซึ่งมันจบไปแล้ว ส่วนคำวินิจฉัยในส่วนของ พ.ร.บ.งบประมาณปี 2569 ประเด็นที่ศาลวินิจฉัยคือ ต้องมีข้อเท็จจริงว่าผู้นั้นเข้าไปเกี่ยวข้องกับการแปรญัตติ หากไม่มีข้อเท็จจริงนี้ก็จบ
“ครม.-สส.ต่างก็พิจารณาไปตามที่หน่วยรับงบประมาณเสนอมา เขาทำตามหน้าที่และอำนาจที่มีอยู่ เว้นแต่จะมีข้อเท็จจริงว่าเขาไปเกี่ยวข้องไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ซึ่งถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข้อเท็จจริงนั้น โดยผู้เสนอโครงการดิจิทัลวอลเล็ตก็ไม่เข้าข่ายเช่นกัน” นายชูศักดิ์ กล่าว