“สาธารณสุข” จับมือผู้ว่าฯ-ตำรวจ-ท้องถิ่น ขับเคลื่อนระบบบำบัดยาเสพติดในชุมชน ตั้งเป้าลดผู้เสพรายใหม่ ฟื้นฟูผู้หลงผิดกลับสู่สังคมอย่างยั่งยืน พร้อมเร่งดูแลกลิ่น-โรคจากศพทหารชายแดน
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (Memorandum Of Understanding : MOU) การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดด้านการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและภาคีเครือข่ายในพื้นที่นำร่อง โดยมี นายชัยชนะ เดชเดโช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ภานุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ นายกเทศมนตรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบล ผู้บังคับการตำรวจภูธร ในพื้นที่ 8 จังหวัดนำร่อง เข้าร่วม ที่ห้องประชุมสัมพุทธเมตตาประชารักษ์ ชั้น 9 กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายในการผลักดันการแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติ ให้เป็นวาระของจังหวัด อำเภอ หมู่บ้าน และชุมชนทั่วประเทศ ซึ่งต้องอาศัยการทำงานร่วมกันของจังหวัด ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาให้ครบถ้วนทุกมิติ นับตั้งแต่การป้องกันไม่ให้ยาเสพติดเข้าสู่ประเทศ การปราบปรามการแพร่ระบาดของยาเสพติดในชุมชน ตลอดจนการฟื้นฟูคนดีกลับสู่สังคม ตนจึงมีความยินดีที่ได้มาเป็นประธาน ในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ด้านการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและภาคีเครือข่าย ในพื้นที่นำร่อง 8 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี ฉะเชิงเทรา นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปทุมธานี ยะลา สุราษฎร์ธานี และหนองคาย ในวันนี้
“ความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของการสร้างระบบ การบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดที่เข้มแข็ง ครอบคลุม และมีประสิทธิภาพ ซึ่งเน้นการมีส่วนร่วมในระดับพื้นที่ โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการลดจำนวนผู้เสพรายใหม่ ฟื้นฟูผู้ที่เคยหลงผิดให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข และลดผลกระทบจากยาเสพติดอย่างยั่งยืน ผมขอขอบคุณภาคีเครือข่ายทั้ง 8 จังหวัด ที่แสดงเจตจำนงในการทำงานร่วมกันอย่างจริงจัง และขอให้พวกเรารวมพลัง ขจัดปัญหายาเสพติดให้หมดไปจากสังคม เพื่อประเทศชาติและพี่น้องประชาชนต่อไป” รมว.สาธารณสุข
ขณะที่ นายชัยชนะ กล่าวว่า ยาเสพติดเป็นภัยคุกคามสำคัญ ต่อความมั่นคงของประเทศ ส่งผลกระทบ ทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และสุขภาพของประชาชน การบำบัดรักษา และป้องกันยาเสพติด จึงถือเป็นหัวใจของการสร้างสังคมที่ปลอดภัย และเข้มแข็ง เพื่อลดการสูญเสียทรัพยากรมนุษย์ หยุดยั้งวงจรความรุนแรง และวางรากฐานการพัฒนาคุณภาพชีวิต ของประชาชนให้ยั่งยืน โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผลักดันการแก้ไขปัญหายาเสพติด ให้เป็นวาระแห่งชาติ ได้ปรับแนวทางการบำบัดรักษาให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริง ปลดล็อคข้อจำกัด และออกแบบระบบบำบัดที่เข้าถึงง่าย ภายใต้รูปแบบใหม่ที่เรียกว่า“มินิธัญญารักษ์ นอกโรงพยาบาล” เป็นการเปิดสถานฟื้นฟู สมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ในพื้นที่นำร่อง 8 จังหวัด 10 หน่วยงาน ถือเป็นก้าวสำคัญ ของการสร้างระบบบำบัดแบบบูรณาการ ที่มีแพทย์ดูแลการรักษา ฝ่ายปกครองเสริมการควบคุมดูแล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสนับสนุนทรัพยากรอย่างต่อเนื่อง โดยการบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในวันนี้ จึงเป็นจุดเริ่มต้น ของการขับเคลื่อนงานด้านการบำบัดรักษา และฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดอย่างเป็นรูปธรรม และนำไปสู่สังคม ที่ปราศจากยาเสพติดอย่างยั่งยืนต่อไป
นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า เรื่องยาเสพติด กระทรวงสาธารณสุข ต้องดำเนินการเรื่องบำบัดฟื้นฟูตามกฎหมาย โดยในพื้นที่นำร่อง 8 จังหวัด จะดำเนินการเรื่องบำบัดฟื้นฟู จะมีหมอเข้าไปรับผิดชอบส่วนนี้ ซึ่งการบำบัดฟื้นฟูกับจำนวนผู้ป่วยที่มีจำนวนมาก ถ้าไม่ตัดต้นตอตั้งแต่ต้น ก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ แต่วันนี้ รัฐบาล มีความพร้อมในการแก้ปัญหาทั้งหมด เพื่อให้ปลอดยาเสพติด และปลอดผู้ติดยาเสพติด โดยโครงการนำร่อง จะเป็นรูปแบบการขับเคลื่อนงาน ก่อนขยายทั่วประเทศ เพระในอดีตเรามีการขับเคลื่อนงานไม่พร้อมกัน ซึ่งถ้าทำขาใดขาหนึ่ง จะไม่จบ ดังนั้น การทำโครงการร่วมกัน ก็จะสามารถแก้ปัญหาร่วมกันได้
เมื่อถามถึงการประเมินมูลค่าความเสียหายของโรงพยาบาลในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ ได้มีการประเมินมูลค่าความเสียหายแล้ว 1 แห่ง คือ โรงพยาบาลพนมดงรัก จ.สุรินทร์ โดยค่าเสียหายประเมินล่าสุด ประมาณ 45 ล้านบาท ส่วนโรงพยาบาลอื่นๆ ก็อยู่ระหว่างการประเมิน
เมื่อถามถึงผลกระทบเรื่องกลิ่นผู้เสียชีวิตบริเวณชายแดน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ เป็นปัญหา ตนจึงมอบหมายให้กรมอนามัย เข้าไปช่วยดูว่า จะสามารถแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง เพราะนอกจากเรื่องกลิ่นแล้ว ยังต้องป้องกันเรื่องโรคระบาดจากผู้เสียชีวิตอีกด้วย