รมว.เกษตรฯ ลงพื้นที่ทุ่งบางระกำ มั่นใจ เก็บเกี่ยวข้าวเสร็จภายใน ส.ค.ตามแผนบางระกำโมเดล 68 เตรียมพื้นที่รับน้ำหลากช่วงฤดูฝน
วันนี้ (3 ส.ค.) นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่โครงการบางระกำโมเดล และพบปะเกษตรเกษตรกรเพื่อรับฟังปัญหาด้านการเกษตรในพื้นที่ โดยมีผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วม ณ ประตูระบายน้ำคลองบางแก้ว ต.บางระกำ จ.พิษณุโลก
โดย นายอรรถกร เปิดเผยว่า โครงการบางระกำโมเดล ทุ่งบางระกำเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำที่ประสบปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากทุกปี ทำให้เกษตรกรต้องเผชิญความเสี่ยงด้านการเกษตร โครงการบางระกำโมเดลจึงเกิดจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเกษตรกรในการปรับเปลี่ยนปฏิทินการเพาะปลูกข้าวนาปีให้เร็วขึ้น เพื่อให้เก็บเกี่ยวก่อนฤดูน้ำหลาก และใช้พื้นที่หลังเก็บเกี่ยวเป็นทุ่งหน่วงน้ำตามธรรมชาติ ซึ่งตามแผนดำเนินงานปี 2568 ได้กำหนดให้เกษตรกรเก็บเกี่ยวข้าวให้แล้วเสร็จภายใน 15 สิงหาคม เพื่อเตรียมพื้นที่รองรับน้ำหลากในฤดูฝนที่กำลังจะมาถึงจากการที่มีฝนตกหนักในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ที่ตกเร็วกว่าปกติ มีผลทำให้น้ำหลากเข้าสู่พื้นที่ลุ่มน้ำยมเร็วกว่าปกติ การเก็บเกี่ยวให้ทันจึงช่วยลดความเสียหายของผลผลิต และเปิดทางให้พื้นที่ทำหน้าที่หน่วงน้ำได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
สำหรับสถานการณ์น้ำในปัจจุบัน กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมชลประทาน ได้มีการแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำที่ทะลักจาก จ.สุโขทัย เข้าท่วมสองฝั่งแม่น้ำยมตอนบนบางจุดแล้ว สาเหตุมาจากปริมาณน้ำจาก จ.แพร่ มีมากถึง 1,600 ลบ.ม./วินาที ได้ไหลมาสู่ ปตร.บ้านหาดสะพานจันทร์ จ.สุโขทัย ประมาณ 1,400 ลบ.ม./วินาที ซึ่งเกินความจุของแม่น้ำยม กรมชลประทานจึงใช้มาตราการรับมือโดยการผันน้ำไปทางแม่น้ำยมสายเก่า หรือผ่านคลองเมม-คลองบางแก้ว เข้าสู่ อ.บางระกำ
ทั้งนี้ ในวันที่ 3 ส.ค. 68 มีการระบายน้ำที่ ปตร.บางแก้ว จำนวน 91 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะสามารถควบคุมการระบายในอัตราที่ไม่ล้นตลิ่งหรืออัตราที่ไม่กระทบชุมชน พืชผลทางการเกษตร และจะยังไม่มีการผันเข้าสู่ทุ่งบางระกำโมเดล เพราะข้าวของเกษตรกรยังเก็บเกี่ยวไม่แล้วเสร็จ โดยขณะนี้ข้าวของเกษตรกรกำลังเจริญเติบโต แต่ยังไม่ครบอายุกำหนดเก็บเกี่ยวได้ คาดว่าต้องรออีกประมาณกลางเดือนสิงหาคมถึงจะเก็บเกี่ยวได้ มีพื้นที่ 327,000 ไร่ ครอบคลุมจังหวัดพิษณุโลกและสุโขทัย ปัจจุบันเกษตรกรเริ่มทยอยเก็บเกี่ยวข้าวนาปีแล้ว ประมาณ 160,000 ไร่ หรือกว่า 49% และคาดว่า จะแล้วเสร็จเต็มพื้นที่ภายในเดือนสิงหาคม
”ในช่วงที่ทุ่งบางระกำถูกใช้เป็นทุ่งหน่วงน้ำ กรมชลประทานร่วมกับกรมประมงได้ปล่อยพันธุ์ปลา เพื่อส่งเสริมอาชีพเสริมให้กับเกษตรกร ให้สามารถจับปลาและแปรรูปจำหน่าย รวมถึงบริโภคในครัวเรือน อีกทั้งยังมอบกรมส่งเสริมการเกษตรจัดหาอาชีพเสริมด้านการเกษตร เพื่อช่วยสร้างรายได้และเพิ่มความมั่นคงทางเศรษฐกิจในช่วงที่ไม่สามารถเพาะปลูกได้ตามปกติ” นายอรรถกร กล่าว
นอกจากนี้ กรมชลประทานยังขยายพื้นที่โครงการจาก 265,000 ไร่ เป็น 327,000 ไร่ ครอบคลุมพิษณุโลกและสุโขทัย ภายใต้การดูแลของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษายมน่าน พลายชุมพล และนเรศวร โดยหลังจากเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จ จะใช้เป็นพื้นที่หน่วงน้ำรองรับได้สูงสุด 400 ล้านลูกบาศก์เมตร ช่วยลดผลกระทบจากน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา รวมถึงกรุงเทพฯ และปริมณฑล อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้เกษตรกรกลับมาทำการเกษตรรอบใหม่ได้ในปลายปี