กกต.ยกคำร้องเลือก สว.ระดับประเทศปมให้ช่วยหาคะแนนแลกตั้งเป็นผู้เชี่ยวชาญหากได้รับเลือก ชี้ถ้อยคำผู้ร้อง-พยานแตกต่าง มีพิรุธน่าสงสัยจริงหรือไม่
วันนี้(2ส.ค.)เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)เผยแพร่คำวินิจฉัยกกต.สั่งยกคำร้องกรณีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาระดับประเทศวันที่ 26 มิ.ย 67 ที่อาคารศูนย์การประชุมอิมแพ็คฟอรั่ม เมืองทองธานี ที่นายสงบ จินะแปง ผู้มีสิทธิเลือกระดับประเทศ กลุ่มที่ 17 ประชาสังคม หมายเลข 119 ถูกร้องว่า ได้แนะนำตัวและพูดกับผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ได้รับเลือกขั้นต้นในการลงคะแนนเลือกบุคคลกลุ่มเดียวกันว่า หากหาคนมาลงคะแนนให้นายสงบได้ 5 คะแนนแล้ว และถ้านายสงบได้เป็นสว.จะให้ผู้ร้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้ผู้ร้องกับพยานของผู้ร้องซึ่งเป็นผู้มีสิทธิเลือกระดับประเทศ กลุ่มที่ 13 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฯ เห็นนายสงบ กำลังสนทนาอยู่กับบุคคลกลุ่มหนึ่ง จึงได้เข้าไปร่วมสนทนาด้วยโดยพยานของผู้ร้องได้พูดทำนองว่า " แนะนำตัวกันอยู่เหรอขอผมเข้าร่วมด้วย "ซึ่งผู้ร้องได้ยินนายสงบพูดว่า "อยู่กลุ่มไหนกัน หากเราจับสลากมาอยู่ในสายเดียวกัน จะได้ช่วยกันเลือก" อีกทั้งช่วงเวลาที่รอการลงคะแนนเลือกผู้สมัครในกลุ่มอื่นที่อยู่ในสายเดียวกัน ผู้ร้องและพยานของผู้ร้องเดินเข้าไปในห้องน้ำชายเห็นนายสงบ และบุคคลกลุ่มหนึ่งพูดคุยกันเกี่ยวกับการแลกคะแนน โดยได้ยินนายสงบพูดว่า "ผมสงบ กลุ่ม 17 ช่วยเลือกผม ถ้าผมได้ผมจะชวนไปทำงานด้วยกัน" ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการเสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้ผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ตน เพื่อจูงใจให้ตนซึ่งเป็นผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนให้แก่นายสงบ อันเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 มาตรา 77 (1)
ซึ่ง กกต.เห็นว่า แม้ผู้ร้องยื่นร้องว่า นายสงบพูดกับผู้ร้องว่า หากหาคนมาลงคะแนนให้ตนได้ 5คะแนนแล้ว และหากนายสงบได้เป็นสว. จะตั้งผู้ร้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่ในชั้นไต่สวน ผู้ร้องให้ถ้อยคำว่า นายสงบเพียงแต่พูดว่า อยู่กลุ่มไหนกัน หากเราจับสลากมาอยู่ในสายเดียวกัน จะได้ช่วยเลือกกัน ซึ่งเป็นถ้อยคำที่แตกต่างไปจากคำร้อง ประกอบกับพยานผู้ร้องให้ถ้อยคำว่า นายสงบพูดว่า ผมสงบ กลุ่ม 17และพูดต่อว่า ช่วยเลือกผม ถ้าผมได้ ผมจะชวนไปทำงานด้วยกัน เมื่อพิจารณาการให้ถ้อยคำของผู้ร้อง และพยานผู้ร้อง ยังปรากฏข้อพิรุธและน่าสงสัยว่าจะเป็นความจริงหรือไม่ เนื่องจากผู้ร้องและพยานของผู้ร้อง ให้ถ้อยคำแตกต่างกัน ทั้งที่ผู้ร้องและพยานผู้ร้องอยู่ในเหตุการณ์เดียวกัน ซึ่งเป็นการแตกต่างกันในข้อเท็จจริง อันเป็นสาระสำคัญต่อการวินิจฉัยว่านายสงบได้กระทำการดังที่ผู้ร้องได้กล่าวหาหรือไม่ อีกทั้งไม่ปรากฏ พยานหลักฐานอื่นที่ยืนยันได้ว่ามีการกระทำฝ่าฝืนกฎหมายตามข้อกล่าวหา ข้อเท็จจริงจึงยังรับฟังไม่ได้ว่า นายสงบกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 77 (1) ตามคำร้อง