วันนี้ (1 ส.ค.) น.ส. ภิญญาพัชญ์ ศันสนียชีวิน สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงการตอบโต้ข่าวปลอมของทางการกัมพูชา เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดน ว่า นอกจากกระสุนจริงที่กัมพูชายิงมา อีกสิ่งที่รุนแรงไม่แพ้กันคือกระสุนของข่าวปลอม ข้อมูลบิดเบือน ภาพอ้างเท็จ ที่เผยแพร่โดยบางแหล่งข่าวอย่างไร้มูลความจริง ซึ่งเป็นการสู้รบทางข่าวสาร ที่เจาะทะลุความจริง ทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจ และบั่นทอนเกียรติภูมิของชาติ ในสถานการณ์เช่นนี้ ตนขอเน้นย้ำว่า รัฐไทยต้องมีความชัดเจนทางข้อมูล มีความมั่นคงด้านการสื่อสาร และต้องมีน้ำเสียงของรัฐที่ชัดเจนพอในการชี้แจงต่อประชาชนและต่อประชาคมโลก สิ่งที่ยังไม่หยุดในตอนนี้คือบาดแผลที่กำลังขยายวงออกไป ทั้งในแง่มนุษยธรรม ความมั่นคง และความเชื่อมั่นในรัฐ ดังนั้น เราจะให้ฝั่งกัมพูชา ซึ่งเป็นอาชญากรสงคราม ตีกินแบบนี้ต่อไปไม่ได้ เพราะการที่ล่าช้า จะนำความเสียหายมาให้ประเทศไทยได้
น.ส.ภิญญาพัชญ์ ยังขอแสดงความห่วงใย และเสนอแนะเชิงนโยบายถึงหน่วยงานภายใต้กระทรวงสาธารณสุข ขอให้เร่งเข้าช่วยเหลือผู้อพยพซึ่งยังคงอยู่ในศูนย์พักพิงหลายแห่งทั่วภาคอีสานตอนล่าง
“แม้เสียงปืนจะเงียบลงแล้ว แต่เสียงสะอื้นยังดังอยู่ในเต็นท์พักพิง จากการรับฟังรายงาน ดิฉันพบว่า ปัจจุบันมีผู้อพยพกว่าแสนคนกระจายอยู่ตามโรงเรียน วัด และสนามกีฬา ศูนย์พักพิงหลายแห่งขาดแคลนทั้งบุคลากรทางการแพทย์ ยาเวชภัณฑ์ และเครื่องมือที่จำเป็น เด็กเล็กจำนวนมากเริ่มมีอาการเจ็บป่วย เช่น ไข้สูง อาเจียน ติดเชื้อทางเดินหายใจ ผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรังขาดยาประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ไม่มีแพทย์เฉพาะทางดูแล สภาพจิตใจของผู้อพยพจำนวนมากเริ่มอ่อนแรง หวาดผวา ขาดความมั่นคง” น.ส.ภิญญาพัชญ์ กล่าว
น.ส.ภิญญาพัชญ์ กล่าวด้วยว่า ตนเสนอ 4 มาตรการเร่งด่วน คือ 1. จัดตั้งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ประจำศูนย์พักพิงทุกแห่ง โดยเฉพาะจังหวัดศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี 2. ตั้งคลินิกเฉพาะกลุ่ม สำหรับเด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยจิตเวช พร้อมระบบติดตามหลังอพยพ 3. จัดส่งยาและเวชภัณฑ์ด่วน ถึง รพ.สต. และ อสม. ในทุกพื้นที่แนวชายแดน เพื่อให้เริ่มรักษาได้ทันที
4. ส่งทีมสุขภาพจิตเคลื่อนที่ จากกรมสุขภาพจิตหรือโรงพยาบาลจิตเวชประจำเขต ให้การดูแลด้านจิตใจอย่างต่อเนื่อง