สภาฯ ไฟเขียวล้างคำสั่ง คสช. 55 ฉบับ “จาตุรนต์–ปิยบุตร” ชี้ ใช้เวลาเกือบ 10 ปีลบอำนาจเผด็จการ หวังเป็นบทเรียนหยุดวงจรรัฐประหาร–คืนประชาธิปไตยปวงชน
วันที่ (23 ก.ค.) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) บางฉบับที่หมดความจำเป็น และไม่เหมาะสมกับกาลปัจจุบัน ซึ่งเป็นพิจารณาต่อจากการประชุมเมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 23 กรกฎาคม 2568 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และคำสั่งหัวหน้าคสช. บางฉบับที่หมดความจำเป็นและไม่เหมาะสมกับกาลปัจจุบัน
นายจาตุรนต์ ฉายแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ชี้แจงว่า ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้เป็นหนึ่งใน 5 ร่างกฎหมายที่มีเป้าหมายยกเลิกประกาศและคำสั่ง คสช. ที่ขัดต่อสิทธิมนุษยชนและไม่เหมาะสมในปัจจุบัน โดยกรรมาธิการได้พิจารณาแล้วเห็นควรยกเลิกทั้งหมด 55 ฉบับ จาก 77 ฉบับที่เสนอ โดยอีก 22 ฉบับยังคงไว้ชั่วคราวเนื่องจากต้องรอกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องผ่านก่อน
“ แรงสนับสุนนจากทุกพรรคการเมืองในสภาฯ เป็นการตอกย้ำ ว่าอำนาจการออกกฎหมายพึงเป็นของประชาชน การออกคำสั่งทำได้ได้ง่าย แต่การจะยกเลิกหรือแก้ไขให้ถูกต้องเป็นไปด้วยความยากลำบาก คำสั่งประกาศออกมาแล้วอาจมีผลกระทบอย่างกว้างขวาง แต่ด้วยความร่วมมือของคณะรัฐมนตรี (ครม.) และพรรคการเมืองต่างๆ ทำให้การทำงานขอคณะกมธ.วิสามัญฯ เป็นไปได้ด้วยดี “
ด้านนายปิยบุตร แสงกนกกุล รองประธานคณะกมธ.วิสามัญฯ ชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 คณะบุคคลทำการรัฐประหารล้มรัฐบาลตั้งตนเป็นรัฏฐาธิปัตย์ คสช.อาศัยอำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.2557 ออกประกาศคำสั่งคสช. รวม 565 ฉบับ ครอบคลุมทุกเรื่อง ทั้งการละเมิดสิทธิเสรีภาพ เรียกบุคคลไปรายงานตัว ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร อายัดบัญชีต่างๆ ยังมีคำสั่งการห้ามชุมนุม เรื่องที่เกี่ยวกับการประมง การผังเมือง การเกษตร ที่ดินสปก. การนำที่ป่าสงวนต่างๆมาเป็นที่ราชพัสดุ การโยกย้ายข้าราชการ เป็นต้น ชี้ให้เห็นว่าช่วงเวลาแห่งการรัฐประหาร และใช้อำนาจตามมาตรา 44 จึงไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะเรื่องการเมือง แต่ยังส่งผลกระทบไปถึงเรื่องอื่นๆอีกด้วย
“เมื่อหัวหน้าคณะรัฐประหารยึดอำนาจ เขาใช้เวลาเพียงชั่วครู่ชั่วยาม ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกประกาศคำสั่งได้อย่างรวดเร็ว แต่การยกเลิกเราใช้เวลาเกือบ 10 ปี จึงทำสำเร็จ ผมหวังว่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้สภาร่วมกันผลัดดันยกเลิกคำสั่งที่ไม่จำเป็น ล้าสมัย และช่วยกันปกป้องประชาธิปไตย ไม่ให้มีการรัฐประหารเกิดขึ้นอีก และไม่ให้มีการใช้อำนาจพิเศษอีก” นายปิยบุตร กล่าว
จากนั้น ที่ประชุมลงมติในวาระ 3 เห็นชอบกับร่าง พ.ร.บ. ด้วยคะแนน 402 เสียง ไม่เห็นด้วย 0 งดออกเสียง 1 ไม่ลงคะแนน 3 เสียง จากนั้นจะส่งให้วุฒิสภาพิจารณาต่อไป