xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กเล็ก” ยันเจรจาเขมรไร้ใบสั่งการเมือง ไม่เอาเกียรติยศไปแลก เผยทีแรกเสนอหยุดยิง 18.00 น.แต่กัมพูชาขอเป็น 24.00 น.ก็พอรับได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“บิ๊กเล็ก” ลั่น เจรจาเขมร ไม่มีใบสั่งการเมือง เป็นทหารมาทั้งชีวิต คงไม่เอาเกียรติยศมาแลก ไม่ได้หวังเติบโตทางการเมือง จบภารกิจ เขาไม่ให้ทำก็กลับบ้านมีความสุข เผยคุย ผบ.เหล่าทัพวานนี้เสนอหยุดยิง 18.00 น.แม้ยอมรับว่าหนักใจ เพราะฝ่ายตรงข้ามเคลื่อนกำลังเข้ามามาก แต่เมื่อกัมพูชาขอเป็น 24.00 น.พร้อมมีเงื่อนไข 7 ข้อ ก็พอรับได้ ชี้ถ้าสั่งเดินหน้าต่อจะมีลูกน้องขาขาดเพิ่มเป็นเรื่องที่เจ็บปวด ต้องนึกถึงครอบครัวเขาด้วย

วันนี้(29 ก.ค.) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังบรรลุข้อตกลงการหยุดยิงว่า ขอให้เชื่อมั่นในฐานะที่ตนเองเคยรับราชการอยู่ในกองทัพบก เคยเป็นเจ้ากรมยุทธการทหารบก รับผิดชอบเรื่องการวางแผนการรบ เป็นเสนาธิการทหารบก เป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ปัจจุบันมาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รับผิดชอบในระดับรัฐบาล

พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ต้องมองทุกมิติ ก่อนที่ตนเองจะไปประชุมได้มีการประชุมกับผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการเหล่าทัพเมื่อวานนี้ เวลาที่คิดว่ารับได้ คือ 18.00 น. แต่ทุกคนก็ยอมรับว่าหนักใจ เพราะฝ่ายกัมพูชาเคลื่อนย้ายกำลังเข้ามามาก แต่ก็รับได้ที่เวลา 18.00 น. โดยมีเงื่อนไข 7 ประการ ตามที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงไปในการหยุดยิง
แต่เมื่อในที่ประชุมทางฝ่ายกัมพูชาขอเวลา 24.00 น. จากการหารือก็พอรับได้ แต่ก็ห่วงใยว่าเป็นเวลากลางคืน ซึ่งได้มีข้อยุติเช่นนี้

อยากให้สื่อมวลชนและประชาชนเข้าใจว่า ตนเองทำอะไรไม่ได้ทำคนเดียว ทำร่วมกับกองทัพ ตนเองเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เวลาทำงานกับรัฐบาลต้องคุยกับรัฐบาล เวลาทำงานกับกองทัพก็คุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ

ส่วนที่เดินทางไปมาเลเซีย ตนเองมีเงื่อนไขเวลาไว้ และเงื่อนไขหลังจากหยุดยิง 7 ข้อ และมีการพูดในที่ประชุม ทั้งสองฝ่ายก็ตอบรับร่วมกัน มาเลเซียเป็นพยาน รวมถึงสหรัฐฯ และจีน แต่เงื่อนไขเหล่านั้นจะเกิดตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่ได้เป็นการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) เต็มรูปแบบ เป็นการให้แม่ทัพทั้งสองฝ่ายพูดกัน ซึ่งทั้ง 7 ข้อมีอยู่ 1 ข้อที่ไม่ต้องคุยคือ สุดท้ายแล้วต้องเข้ามาสู่กระบวนการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วมระหว่างประเทศ (JBC) เงื่อนไขที่กองทัพบกขอมามี 6 ข้อ ที่จะมอบให้แม่ทัพภาคที่ 2 และแม่ทัพภาคที่ 1 นำไปพูดคุย จนกว่าจะได้ข้อยุติจึงจะเข้าสู่การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC)

พล.อ.ณัฐพล ยืนยันว่าจะต้องมีการคุยกันต่อไป อย่างน้อยการหยุดยิงทำให้ประชาชนไม่ได้รับผลกระทบจนกระทั่งเสียชีวิต ปัจจุบันประชาชนเสียชีวิต 14 ราย บาดเจ็บ 48 ราย ส่วนกองทัพปัจจุบันเสียชีวิตไป 12 ราย บาดเจ็บ 160 กว่าราย มีพิการขาขาด 4 ราย และ 4 รายเป็นกำลังหลักของครอบครัว ตนเองเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมต้องคิดทุกอย่าง คิดถึงการสูญเสียที่เกิดขึ้น แต่ระดับผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพจะคิดแบบนี้ไม่ได้ ตนต้องคิดแตกต่างจาก ผบ.เหล่าทัพ อยากให้สังคมเข้าใจในเรื่องนี้ ปัจจุบันมีทั้งประชาชนพลเรือนเสียชีวิต

ส่วนก่อนไปเจรจาที่มาเลเซียได้มีการคุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ และฝากให้กระทรวงการต่างประเทศช่วยประณามเรื่องไม่สนใจเป้าหมายพลเรือน ยิงแม้กระทั่งบ้านประชาชน โรงเรียน โรงพยาบาล นอกจากนี้กัมพูชาตั้งยิงอาวุธหนักในหมู่บ้าน ใช้ประชาชนชาวกัมพูชาเป็นโล่ ซึ่งเรื่องนี้ผิดหลักอนุสัญญาเจนีวา และผิดอนุสัญญาออตตาวา

พล.อ.ณัฐพล กล่าวอีกว่า เพราะฉะนั้นถ้าการสั่ง ตนเองบอกว่าเรายังไม่หยุดยิงเดินหน้าต่อก็จะมีลูกน้องตนขาขาดเพิ่มขึ้น เพราะในยามนี้เราจะรีบเร่งรัดไม่ได้ ถ้าเร่งรัดเมื่อไรจะเกิดทหารที่ขาขาดเพิ่มขึ้น วันละรายสองวันราย พูดง่าย ๆ เป็นเรื่องที่เจ็บปวด ต้องนึกถึงครอบครัวของเขา ก็จะเห็นว่าแต่ละคนที่สูญเสีย มีร่างกายแข็งแรง หน้าตาดี อายุยังน้อยแต่ขาขาดแล้ว ถ้าเป็นลูกท่าน เป็นสามีท่าน ท่านจะรู้สึกอย่างไร

แต่ผู้บัญชาการเหล่าทัพจะคิดอย่างนี้ไม่ได้ อย่างน้อยการหยุดยิงประชาชนก็ไม่เสียชีวิต แต่การหยุดยิงจริงต้องมีเงื่อนไขต่อไปที่จะมาคิดในระดับรัฐบาล ในหลายมิติ เพราะฉะนั้นการที่ตนเองร่วมยอมรับเมื่อวานนี้ เราทำภายใต้นโยบายรัฐบาล ในด้านการต่างประเทศ เศรษฐกิจ ทำทุกมิติเราต้องชั่งน้ำหนัก ขอให้ทุกคนไม่ต้องกังวล ต่อมาคือห่วงใยพี่น้องประชาชน และต้องคำนึงถึงความรู้สึกประชาชนในส่วนที่เหลือด้วย ที่อยากจะให้ทหารทำอะไรที่มากกว่านี้

"ยืนยันว่าหลังจากหยุดยิงวันนี้ ไม่ใช่สัปดาห์หน้า มานั่งกินข้าวด้วยกัน เตะตะกร้อด้วยกัน มีการแลกเปลี่ยนการเยือนไม่ใช่แบบนั้น ต้องอีกสักระยะซึ่งผมบอกไม่ได้ว่าเมื่อไร ยืนยันว่ารัฐบาลและกองทัพคำนึงถึงอธิปไตย ผลประโยชน์ของชาติ อยากให้ทุกคนสบายใจได้" พล.อ.ณัฐพล กล่าว

เมื่อถามว่าเหตุใดการเจรจาเมื่อวานนี้ถึงไม่ยื่นเงื่อนไขปรับกำลังทั้งสองฝ่ายและถอนอาวุธจนกว่าจะหยุดยิง พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ขอบคุณที่ถาม แสดงว่าสังคมก็คิดเหมือนกับสื่อมวลชนที่ยังไม่เข้าใจ ในเวทีอย่างนั้นจะมานั่งคุยรายละเอียดนี้ ต้องให้แม่ทัพไปคุย แม่ทัพก็จะรู้ว่าอาวุธหนัก จรวดหลายลำกล้อง ปืนใหญ่ รถถัง ปืนเล็ก ๆ อาวุธต่าง ๆ ในพื้นที่มีจำนวนมาก อะไรจะเคลื่อนไหวอย่างไร รวมถึงกองกำลังต้องมีการลงรายละเอียดกัน จะให้เวทีนั้นมาคุยกันเรื่องนี้ ถ้าตนเองไปคุยก็จะกลับมาด่าอีกว่าทำไมไม่ถามกองทัพ ถึงให้กองทัพคุย ให้มีส่วนร่วมถ้ากองทัพยังคุยไม่จบก็คือไม่จบ อาจจะมีการยิงกันใหม่ได้

พล.อ.ณัฐพลยอมรับว่าไม่ได้เชื่อใจกัมพูชาว่าจะหยุดยิง เมื่อวานในที่ประชุมได้พูดกันตรง ๆ ว่าเราอยากได้ความเชื่อมั่นไว้วางใจ ถ้าตนเองอยู่ตรงนี้แล้วตกลงอะไรไปแล้วไม่ปฏิบัติตาม ตนเองก็คงไม่ทราบ จึงให้กองทัพเป็นคนคุยและดูว่าทำตามนั้นหรือไม่ หากไม่ทำตามข้อตกลงก็ต้องรายงานมา เป็นกระบวนการมอบความรับผิดชอบในสิ่งที่กองทัพต้องรับผิดชอบ ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าฝ่ายการเมืองตกลงหยุดยิงกันแล้ว แต่ฝ่ายทหารยังตกลงไม่ได้ ต้องอยู่กันแบบนี้ต่อไป ไม่ใช่หยุดยิงอย่างแท้จริง

“เขายิงมาเรายิงไป เมื่อเช้าอนุญาตแล้ว ตอบโต้กันไป ไม่ใช่เราหยุดยิง เขาไม่หยุดยิงก็นั่งรอให้เขายิง ท่านคิดว่าผมสั่งแบบนี้หรือ” พล.อ.ณัฐพล กล่าว

เมื่อถามว่า ทำไมการเจรจาถึงไม่มีเงื่อนไขออกมา อย่างน้อยให้ปรับกำลังทั้งสองฝ่าย เอาอาวุธหนักออก ก็จะเป็นผลดี พลเอกณัฐพล ย้อนถามว่า การปรับกำลังเอาอะไรออกก่อนหรือหลัง เป็นเรื่องที่ในพื้นที่ต้องไปพูดคุย

เมื่อถามย้ำว่าการที่ไปพูดคุยและไม่มีเงื่อนไข เป็นไปตามที่นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาต้องการเป๊ะ พล.อ.ณัฐพลยิ้มก่อนจะตอบว่า ไม่มีเงื่อนไขได้อย่างไร ตอนนี้ได้มอบให้กองทัพไปคุย ตามเงื่อนไขที่ได้กำหนดมา ขอให้กองทัพบกเป็นผู้แถลง ว่าจะมีเงื่อนไขอะไรบ้าง

ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่ขณะนี้ยังไม่มีการหยุดยิง การประชุม RBC ก็เลื่อนไป พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า แม่ทัพเขาคุยกันอยู่ ตนเองได้บอกไปว่า ให้คุยกันไปจนกว่าจะรู้เรื่อง ไม่รู้เรื่องก็คุยกันไปเรื่อย ๆ แต่ถ้าเขายิงมา ก็ต้องยิงตอบโต้ไป ไม่ใช่เราหยุดจริง เขายิงมาก็นิ่งเฉย ต้องทำไปทั้งสองอย่าง

เมื่อถามว่า แล้วจะเจรจาหยุดยิงไปเพื่ออะไร พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า หากไม่หยุดยิงจะแรงกว่านี้ เป็นการยิงโดยใช้ปืนเล็ก อาวุธไม่ใหญ่ หากมีการใช้อาวุธติดลำกล้อง และฝ่ายเรามีการใช้กำลังกองทัพ จะเป็นการละเมิดที่ทำให้ต่างชาติเห็น แต่หากกัมพูชาใช้เราก็จะไม่หยุด ไม่ต้องเป็นห่วง จะมีการตอบโต้ที่สมน้ำสมเนื้อ และสมเหตุสมผล เพื่อแสดงเจตนารมณ์ให้นานาชาติเห็นว่า ประเทศไทยเคารพสังคมโลก และกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งต้องเป็นไปตามขั้นตอน ยืนยันว่าเราไม่ได้ไปเกี๊ยะเซียะกับใครทั้งสิ้น ยึดผลประโยชน์ของชาติ

พล.อ.ณัฐพลยืนยันว่า ไม่มีใบสั่งจากใคร คนอย่างตนไม่ได้หวังเติบโตทางการเมือง พอจบภารกิจ เขาไม่ให้ทำ ตนก็กลับบ้านมีความสุข ไม่ต้องเจอใครด่า แต่เมื่อทำภารกิจก็ต้องทำให้ดีที่สุด ยึดผลประโยชน์ของชาติ ฉะนั้น ตนไม่สนใจเรื่องใบสั่ง จะเอาเกียรติยศมาแลกกับตรงนี้ทำไม ตนเป็นทหารมาทั้งชีวิตก็เพียงพอแล้ว ขอสื่อมวลชนไม่ต้องเป็นห่วง

สำหรับประชาชนในพื้นที่ อยากให้ฟังกระทรวงมหาดไทย ในฐานะที่ดูแลประชาชน เราประเมินสถานการณ์กับกองทัพ หากหยุดยิงอย่างชัดเจน กระทรวงมหาดไทยคงเคลื่อนย้ายประชาชนกลับ หากเป็นลักษณะนี้คงรออีกสักระยะ ส่วนกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลังจะเข้าไปดูแลผู้ประกอบการในพื้นที่ตามแนวชายแดน ตนได้แจ้งไปทางรัฐบาล ว่าต้องดูแลประชาชนและผู้ประกอบการ ไม่ใช่ปล่อยให้กองทัพและกระทรวงกลาโหมปฏิบัติการอย่างเพียงลำพัง รวมถึงขอให้กระทรวงการต่างประเทศมาช่วยด้วย ย้ำว่าพื้นที่สีแดงยังไม่ปลอดภัย ประชาชนยังไม่สามารถเคลื่อนย้ายกลับไปได้ ขอให้ทางการประเมินสถานการณ์ก่อน

เมื่อถามว่า ยังมีการกระทบกระทั่งในพื้นที่กันอยู่ ฝ่ายกัมพูชาใครเป็นผู้ตัดสินใจ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ตรงนั้นไม่ทราบ เราไม่ต้องไปสนใจฝ่ายกัมพูชา ขอให้สนใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น