xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ตรวจฯ ผนึก วช.-สกสว.-TDRI เสริมความร่วมมือวิชาการขับเคลื่อนแก้ไขความไม่เป็นธรรมแก่ประชาชน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้ตรวจการแผ่นดิน ผนึกกำลัง วช. – สกสว. – TDRI เสริมความร่วมมือวิชาการ ขับเคลื่อนการแก้ไขความไม่เป็นธรรมแก่ประชาชน


วันนี้(29 ก.ค.) สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินจัดประชุมสัมมนาความร่วมมือด้านวิชาการและพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรทางวิชาการระดับประเทศ ได้แก่ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ และเพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ไขความเดือดร้อนและความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นกับประชาชน
นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญ และพ.ร.ป.ว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. 2560 ผู้ตรวจการแผ่นดินมีอำนาจเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีในกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด 5 “หน้าที่ของรัฐ” ซึ่งครอบคลุม หน้าที่ของรัฐในการยกระดับ ความเป็นอยู่และ คุณภาพชีวิตประชาชน การรับรองสิทธิเสรีภาพเชิงรูปธรรม และการดำเนินงาน ของรัฐเพื่อให้รัฐต้องดำเนินการในเรื่องที่กำหนดให้แก่ประชาชนทุกคนหรือทุกชุมชนอย่างเท่าเทียมเพื่อประโยชน์ของประชาชนทุกกลุ่ม ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 25 ปี สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับเรื่องร้องเรียนแล้วกว่า 65,700 เรื่อง และได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องผ่านการไกล่เกลี่ย การแสวงหาข้อเท็จจริง และการเชื่อมประสานระหว่างภาครัฐและประชาชน เพื่อขับเคลื่อนระบบราชการให้ตอบสนองต่อสิทธิและความเป็นธรรมอย่างทั่วถึง ดังนั้น เพื่อสนับสนุนบทบาทดังกล่าว สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินจึงจัดการประชุมสัมมนาความร่วมมือด้านวิจัยและวิชาการ พร้อมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือความร่วมมือ ร่วมกับสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) โดยมีผู้ร่วมลงนามประกอบด้วย พันตำรวจโท กีรป กฤตธีรานนท์ เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ศ.ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการ สกสว. ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการ วช. และดร.นิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณในฐานะผู้แทน TDRI นับเป็นการเปิดศักราชใหม่ในการพัฒนาระบบสนับสนุนการปฏิบัติงานของผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านการสร้างเครือข่ายวิชาการ การแลกเปลี่ยนข้อมูล และการดำเนินงานร่วมกัน โดยมุ่งเน้นการสร้างความเข้าใจ ความเชื่อมั่น และการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในสังคม


นายทรงศัก สายเชื้อ ผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินไม่สามารถทำงานเพียงลำพังได้ แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญด้านวิจัยและวิชาการ เพื่อร่วมกันเสริมสร้างระบบธรรมาภิบาลที่โปร่งใส ยุติธรรม และเป็นที่พึ่งของประชาชน โดยภายในงานได้รับเกียรติจาก นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นประธานในพิธีและกล่าวปาฐกถาพิเศษถึงแนวทางการขยายความร่วมมือเชิงวิชาการ เพื่อยกระดับคุณภาพของงานตรวจสอบและข้อเสนอแนะเชิงนโยบายให้สอดคล้องกับบริบทปัจจุบัน โดยเชื่อมั่นว่า ความร่วมมือทางวิชาการกับ 3 หน่วยงานในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการขับเคลื่อนงานวิจัยที่มีคุณภาพ เป็นรูปธรรม และสามารถต่อยอดการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุม และยั่งยืน พร้อมทั้งสะท้อนบทบาทของผู้ตรวจการแผ่นดินในฐานะกลไกสำคัญของรัฐในการสร้างสังคมที่มีความเป็นธรรมอย่างแท้จริง

ทั้งนี้หลังการลงนามความร่วมมือแล้วยังได้มีการเสวนาเชิงวิชาการ หัวข้อ “ทิศทางประเทศไทยกับบทบาทของผู้ตรวจการแผ่นดินในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและความไม่เป็นธรรมแก่ประชาชน” โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานภาคีเข้าร่วมเนื้อหาการเสวนาครอบคลุมทั้งมิติทางสังคม เศรษฐกิจ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม รวมถึงข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อการปฏิรูประบบร้องเรียนของประชาชนให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเข้าถึงได้มากขึ้นใน 5 กรอบเนื้อหาหลักคือ1.ทิศทางประเทศไทย: บริบทใหม่ที่ผู้ตรวจการแผ่นดินกำลังเผชิญ ทั้งด้านสังคมที่มีความเหลื่อมล้ำ กลุ่มเปราะบาง และความคาดหวังต่อรัฐ เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เทคโนโลยีที่รุกคืบ และปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

2.บทบาทเชิงรุกของผู้ตรวจการแผ่นดินในบริบทใหม่ มุ่งคุ้มครองสิทธิประชาชน รับเรื่องร้องเรียน เสนอแนะแนวนโยบายเชิงระบบ และประสานงานกับภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิโดยรัฐ 3.อุปสรรคในการดำเนินงาน ได้แก่ข้อจำกัดด้านอำนาจตามกฎหมาย ความซ้ำซ้อนกับองค์กรอิสระอื่น และความเข้าใจผิดของประชาชนต่อบทบาทและช่องทางร้องเรียน
4.ข้อเสนอเชิงนโยบาย เสนอให้พัฒนาเครื่องมือสมัยใหม่ เช่น ระบบร้องเรียนออนไลน์ ใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big data)เสนอปรับปรุงกฎหมาย และส่งเสริมการสร้างการรับรู้สาธารณะผ่านการสื่อสารและการศึกษา 5.แนวทางขับเคลื่อนร่วมกัน จำเป็นต้องสร้างความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย ทั้งในระดับวิชาการและสังคม เพื่อเสริมพลังให้ผู้ตรวจการแผ่นดินเป็น “องค์กรกลาง” ที่มีความเป็นธรรม โปร่งใส และได้รับความไว้วางใจจากประชาชนอย่างแท้จริง










กำลังโหลดความคิดเห็น