xs
xsm
sm
md
lg

ทบ.ซัดเขมรใช้โล่มนุษย์ขัดหลักมนุษยธรรมร้ายแรง ผนึกกำลังทุกภาคส่วนดูแล ปชช.เร่งอพยพ ตั้งโรงครัวพระราชทาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ทบ. อัด “ทหารเขมร” ใช้โล่มนุษย์ ตั้งจุดปืนใหญ่ BM21 ใกล้ชุมชน ขัดหลักมนุษยธรรมร้ายแรง พร้อมผนึกกำลังทุกภาคส่วนดูแลความปลอดภัยประชาชน เร่งอพยพ ปชช. เร่งอพยพ 63,446 คน จาก 4 จังหวัดชายแดน พร้อมตั้งโรงครัวพระราชทานดูแลอย่างใกล้ชิด

วันนี้ (25 ก.ค.) พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงถึงกรณีสื่อกัมพูชากล่าวหาว่าไทยใช้อากาศยานเครื่องบินรบ F-16 ติดอาวุธโจมตีฐานทัพ และ “พื้นที่พลเรือน” ในฝั่งกัมพูชา ว่า กองทัพบกขอปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวโดยสิ้นเชิงและเห็นว่าเป็นข่าวบิดเบือน (Disinformation) ที่อาจถูกใช้เพื่อหวังผลต่อการรับรู้ในเวทีต่างประเทศ ทบ. ขอชี้แจงข้อเท็จจริงตามลำดับดังนี้ 1. ยืนยันฝ่ายไทยใช้ปฏิบัติการทางทหารดำเนินการต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลัก จำกัดวงอยู่เฉพาะเป้าหมายที่เป็นภัยคุกคามทางทหาร ดำเนินการอย่างระมัดระวัง ภายใต้ หลักการป้องกันตนเองตามกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (IHL)
2. มีข้อมูลด้านการข่าวระบุว่า ฝ่ายกัมพูชา พยายามตั้งจุดยิงอาวุธสนับสนุน เช่น ปืนใหญ่ และจรวด ใกล้พื้นที่ชุมชน เข้าข่ายเป็นการใช้ “ใช้พลเรือนเป็นโล่กำบัง” (Human Shields) ซึ่ง ขัดต่อหลักมนุษยธรรมอย่างร้ายแรง
3. ไทยหลีกเลี่ยงเป้าหมายที่อาจกระทบพลเรือน แม้จะมีสิทธิในการตอบโต้ตามหลักการป้องกันตนเอง แต่ฝ่ายไทยพยายามไม่ดำเนินการทางทหารต่อเป้าหมายที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อพลเรือน โดยไม่จำเป็น ทั้งนี้ เพื่อแสดงออกถึงการให้ความสำคัญต่อมาตราฐานมนุษยธรรม
4. ทหารไทยยึดถือกติกาสากลอย่างต่อเนื่อง หากติดตามสถานการณ์มาโดยตลอด จะเห็นได้ชัดเจนว่า ฝ่ายไทยดำเนินการทุกขั้นตอนโดยยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ กฎบัตรสหประชาชาติ และพันธกรณีด้านมนุษยธรรม
5. การปฏิบัติการทางทหารของกองทัพบก ดำเนินการบนพื้นฐานของเหตุผลความจำเป็นเคร่งครัดในกรอบกติกา ผ่านการพิจารณารอบด้าน แม้ในยามถูกยั่วยุหรือถูกใส่ร้าย
6. การใช้อากาศยานเพื่อนำพาอาวุธไปสู่เป้าหมายทางทหาร มีความน่าเชื่อถือสูงในความแม่นยำ และมีประสิทธิภาพสูงต่อการทำลายที่หมายในลักษณะแบบจำกัดวง

ต่างจากอาวุธยิงสนับสนุนระยะไกลอื่นๆ ของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งขาดความแม่นยำต่อเป้าหมายแบบเฉพาะจุด ที่ผ่านมา จึงเป็นเหตุให้เกิดข้อผิดพลาดร้ายแรง ส่งผลกระทบต่อพลเรือนที่ไม่เกี่ยวข้องในหลายพื้นที่กองทัพไทยยืนหยัดในการป้องกันตนเอง ปกป้องประชาชน และผืนแผ่นดินไทยด้วยความสง่างามให้เป็นที่ยอมรับภายใต้หลักสากล

ขณะที่อีกด้าน กองทัพบกร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่เร่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่การสู้รบ ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา หลังจากฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธหนักยิงโจมตีเข้ามาในเขตพื้นที่ประเทศไทยตั้งแต่เมื่อเช้าวานนี้ (24 ก.ค.) ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่รวม 14 อำเภอ ใน 4 จังหวัด ได้แก่ จ.บุรีรัมย์ อ.บ้านกรวด, จ.สุรินทร์ อ.กาบเชิง, อ.พนมดงรัก, อ.สังขะ, อ.บัวเชด, อ.ปราสาท และ อ.เมืองสุรินทร์, จ.ศรีสะเกษ อ.กันทรลักษ์, อ.เบญจลักษ์, อ.ศรีรัตนะ, อ.พยุห์, อ.กันทรารมย์ และ อ.เมืองศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี อ.เดชอุดม ได้รับผลกระทบจากอาวุธยิงสนับสนุนของฝ่ายกัมพูชาที่ยิงเข้ามาในพื้นที่บ้านเรือนประชาชน, โรงพยาบาล และสถานที่พลเรือน อย่างไร้มนุษยธรรม ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น (ข้อมูล ณ วันที่ 25 ก.ค.68) พบว่ามีประชาชนได้รับบาดเจ็บ 29 คน และเสียชีวิต 16 ราย เป็นเหตุให้ต้องมีการอพยพประชาชนในพื้นที่อย่างเร่งด่วนเพื่อรักษาความปลอดภัยและป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นกับประชาชน

ปัจจุบันกองทัพบก โดย กองกำลังสุรนารี, มณฑลทหารบกที่ 22, มณฑลทหารบกที่ 25 และมณฑลทหารบกที่ 26 ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับฝ่ายปกครอง และผู้นำชุมชนในพื้นที่เร่งดำเนินการอพยพประชาชนไปยังพื้นที่รวบรวมพลเรือน โดยมีจำนวนผู้อพยพรวมทั้งสิ้น 63,446 คน (จ.บุรีรัมย์ จำนวน 4,813 คน, จ.สุรินทร์ จำนวน 21,646 คน, จ.ศรีสะเกษ จำนวน 26,511 คน และ จ.อุบลราชธานี จำนวน 10,476 คน)พร้อมกันนี้ กองทัพบกได้รับพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน 6 จุด และจัดรถครัวสนามกองทัพบกจำนวน 2 คัน ประกอบอาหารแจกจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่รวบรวมพลเรือนอีกด้วย

ขณะเดียวกัน มณฑลทหารบกที่ 22 ยังได้ร่วมกับปกครองจังหวัดอุบลราชธานี จัดชุดอาสารักษาดินแดนออกลาดตระเวนเพื่อดูแลทรัพย์สินของประชาชนที่อพยพออกจากพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อให้ผู้อพยพคลายกังวลในเรื่องความปลอดภัยของทรัพย์สินส่วนบุคคล

ทั้งนี้ กองทัพบกขอความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทำการอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัยอย่างเร่งด่วน ซึ่งกองทัพบกพร้อมปกป้องอธิปไตยและประชาชนให้ปลอดภัยจากการกระทำอันผิดหลักมนุษยธรรมของฝ่ายกัมพูชาอย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน


กำลังโหลดความคิดเห็น