xs
xsm
sm
md
lg

เหมือน“ฝีหนอง”ระเบิด ไล่ทั้ง “ฮุน-ชิน”ไปเลย!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ฮุน เซน - ทักษิณ ชินวัตร
เมืองไทย 360 องศา

ในที่สุดสถานการณ์ก็พัฒนามาจนถึงจุดที่ต้อง “ปะทะ” และ “ไทยก็หมดความอดทน” อีกต่อไป จากการที่ต้องอดทนกับการยั่วยุ และสร้างสถานการณ์จากฝ่ายตรงข้ามคือ รัฐบาลกัมพูชา ภายใต้การกุมอำนาจของ “สองพ่อลูก” ฮุน เซน และ ฮุน มาเน็ต และในที่สุดฝ่ายรัฐบาลไทยก็ “ต้องยอมปล่อยอำนาจ” ให้กับฝ่ายกองทัพ เข้าจัดการในพื้นที่อย่างเต็มที่แล้ว

ขณะเดียวกัน อารมณ์ของคนไทยในเวลานี้สนับสนุนฝ่ายกองทัพให้ “จัดการ” กับฝ่ายกัมพูชา โดยไม่ต้องสนใจฟังรัฐบาล ที่ถือว่าเวลานี้ได้หมดความน่าเชื่อถือจากคนไทยแทบจะโดยสิ้นเชิงแล้ว ดังนั้น การเกิดเหตุปะทะตอบโต้ในครั้งนี้ความรู้สึกไม่ต่างจาก “ฝีหนองระเบิด” เหมือนกับ “เพื่อนบ้าน” ที่เอาแต่ได้ สิ่งที่รับรู้กันละ “คบไม่ได้” ก็ต้องตัดขาด เพราะไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องไปญาติดีกันอีก เนื่องจากเรามีแต่เสียประโยชน์

อีกทั้งเมื่อเกิดเหตุสิ่งที่ต้องรับรู้กันอีกก็คือ ความต้องการของคนไทยส่วนใหญ่ หรือแทบทั้งหมดต้องการ “ขับไล่ทั้งตระกูลฮุน และชินวัตร” ไปพร้อมกันทีเดียว เพราะนาทีนี้ถือว่าพวกเขาไว้ใจไม่ได้ ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป

และถ้าพิจารณาจากความเคลื่อนไหวของฝ่ายรัฐบาลไทย ทั้งก่อนและระหว่างการปะทะกันนั้น ฝ่ายรัฐบาลที่เวลานี้นำโดย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ยังออกมาพูดในลักษณะ “ใฝ่สันติ” และเรียกประชุมฝ่ายความมั่นคงในตอนบ่าย ทั้งที่บริเวณชายแดนมีการปะทะ มีคนไทยสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินกันแล้ว เรียกว่าเป็นการแสดงท่าทีที่ขัดกับความรู้สึกของคนไทยที่ไปไกลลิบแล้ว

นายภูมิธรรม เวชยชัย กล่าวถึงเหตุปะทะกันที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ปราสาทตาเมือนธม ในช่วงเช้า วันที่ 24 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ว่า ได้รับรายงานเมื่อช่วงเวลา 8 โมงกว่า มีเสียงปืนดังขึ้น ขณะนี้กำลังเข้าไปดูรายละเอียด ซึ่งตนเองขอทราบรายละเอียดก่อน เพราะสถานการณ์ตอนนี้ ต้องระมัดระวัง และรอบคอบ ต้องปฏิบัติตามหลักการกฎหมายระหว่างประเทศ ดังนั้นยังไม่อยากพูดอะไรมากกว่านี้ ขอให้สื่อระวังการนำเสนอข่าว เพราะอาจเกิดเหตุการณ์เผชิญกันได้ตลอดเวลา ขณะนี้ ศบ.ทก. อยู่ระหว่างการประชุมอยู่ รวมถึงผู้นำเหล่าทัพ ที่อยู่ระหว่างการประชุมอยู่ ซึ่งตนเองได้เรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ เวลา 14:00 น. วันเดียวกัน

ส่วนกฎการใช้กำลัง ต้องขออนุญาตรัฐบาล หรือกองทัพภาคที่สอง สามารถพิจารณา นายภูมิธรรม ย้ำว่า ขอรอหลังการประชุม สมช. และจะสรุปให้ฟัง
ขณะที่ทูตกัมพูชา ออกมาแสดงความเห็น ท่าทีรัฐบาลไทยไม่เหมาะสมนั้น นายภูมิธรรม ย้ำว่า ขอให้รอรายละเอียดทั้งหมด เราจะทำเต็มที่ให้ดีที่สุด และเป็นการปกป้องอธิปไตยของประเทศ ส่วนดูแล้วผิดหลักสากลหรือไม่ นายภูมิธรรม ย้ำว่า ให้รอฟังแถลง ถึงขณะนี้ได้รับรายงานว่า เกิดเหตุเพียงจุดเดียว และใช้คำว่า “ไม่ใช่การปะทะกัน” ไม่ถึงขนาดปะทะกัน พร้อมบอกด้วยว่า พื้นที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นการปฏิบัติตามข้อตกลงเดิม ซึ่งเป็นกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ไทยยอมรับ

แต่มีคนไปเขียนเลอะเทอะในโซเชียลมีเดีย ว่า เมื่อประมาณต้นเดือนปี 68 ว่าตนเองไปเซ็นสัญญาให้กัมพูชาขึ้นมาอยู่บนนี้ ต้องถือว่าเลอะเทอะ และเป็นการพูดที่เป็นประโยชน์ การปลุกปั่นแบบนี้ สร้างแต่จะเกิดปัญหาความขัดแย้งและความรุนแรง เรื่องของปราสาทตาเมือนธม เป็นการปฏิบัติการตามที่เกิดขึ้นมาแล้วในอดีต เป็นสิบๆ ปี ไม่เกี่ยวกับตนเองเลย และไม่เกี่ยวกับใครในปัจจุบันนี้ ขณะนี้ให้ปฏิบัติไปตามเดิมเท่านั้นเอง อย่าอาศัยตรงนี้ทำลายประเทศ ด้วยวิธีเอาข่าวเท็จมาปั่น
ส่วนที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ มีการอพยพประชาชน ไปอยู่ในหลุมหลบภัย นายภูมิธรรม ระบุว่า ตนเองไม่ฟังข่าวลือ

นายภูมิธรรม ยังยืนยันว่า เหตุการณ์เมื่อช่วงเช้า ไม่ได้เป็นการปะทะกัน ตอนนี้มีจุดเดียว คือเมื่อ 08.20 น. จุดอื่นยังไม่มีการปะทะกัน ย้ำว่ารอประชุม สมช. เวลา 14.00 น.

ขณะที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความใน X ชื่อบัญชี Thaksin Shinawatra (@ThaksinLive) ในตอนเที่ยงวันเดียวกันว่า “วันนี้ ฮุนเซน ได้บัญชาการการยิงเข้ามาในเขตไทยแต่เช้า โดยเป็นฝ่ายยิงก่อน หลังจากที่วางกับดักระเบิดตามแนวชายแดน ซึ่งถือว่าได้ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และจริยธรรมของการอยู่ร่วมกันฉันท์เพื่อนบ้านที่ดี จนมีทหารไทยได้รับบาดเจ็บขาขาด ถึง 2 คน รวมถึงประชาชนได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง

“ไทยเราได้ใช้ความอดทน อดกลั้น เดินตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศและการทำหน้าที่เพื่อนบ้านที่ดีครบถ้วนแล้ว ต่อไปนี้ทหารไทย สามารถตอบโต้ตามแผนยุทธการ และกระทรวงการต่างประเทศสามารถกำหนดมาตรการต่างๆ ได้ด้วยความชอบธรรม”

เรียกว่าคำพูดของ นายภูมิธรรม และ นายทักษิณ ดังกล่าวล้วนถือว่า“ไม่ได้ใจ” ชาวบ้านเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับยิ่งทำให้หมดความเชื่อมั่นลงไปอีก เนื่องสถานการณ์และความรู้สึกของคนไทยนั้น ไปไกลแล้ว นั่นคือ ต้องการ “ระบายความอึดอัด” กับฝั่งกัมพูชา ที่เกิดขึ้นหลังจากที่ “สองพ่อลูกเขมร” คือ ฮุน เซน และ ฮุน มาเนต เปิดเผยปมความขัดแย้งระหว่าง “สองครอบครัว” คือ ครอบครัว “ฮุน” กับ ครอบครัว “ชินวัตร” ของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่มีผลประโยชน์ร่วมกันมานานหลายสิบปี และเพิ่งมา “ความแตก” เอาหลังจากที่มีการเปิดเผย “คลิปลับ” ของ “อังเคิล ฮุน” และยังมีการแฉต่อเนื่องแทบจะรายวัน

ทำให้คนไทยได้ตาสว่างเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อย และที่สำคัญความรู้สึกของคนไทยเวลานี้ “มีอารมณ์ร่วม” ในลักษณะที่ต้องการไล่ออกไปทั้ง “ฮุน” และ”ชิน” ไปพร้อมๆ กัน เพราะรำคาญเต็มทนแล้ว และสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เวลานี้มันเลยเถิดเกินขั้นตอนการเจรจาพูดคุยกันแบบโลกสวยแบบสันติกันอีกต่อไปแล้ว อารมณ์เหมือนกับว่า “รบก่อนแล้วค่อยคุยทีหลัง” นั่นคือ ต้องขับไล่ทหารกัมพูชาที่ฝ่ายไทยมีความรู้สึกว่าพวกเขา “รุกล้ำ” เข้ามาให้ถอยพ้นออกไปให้หมด

ขณะเดียวกัน ยังต้องการให้ปิดด่านทุกด่านบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งหมด รวมไปถึง “ปราสาท” ทั้งหลายที่มีปัญหากระทบกระทั่งกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็น “ตาเมือนธม และปราสาทตาควาย” รวมไปถึงพื้นที่บริเวณที่เรียกว่า “สามเหลี่ยมมรกต” เป็นต้น มีการล้อมรั้วกั้นแบบถาวรไปเลย ซึ่งเชื่อว่าอารมณ์ความรู้สึกของคนไทยเวลานี้ ต้องการให้ขับไล่ทหารกัมพูชาออกไปให้หมด จากนั้นหากจะให้เจรจากันก็ค่อยมาว่ากัน และยังมั่นใจศักยภาพของกองทัพไทยว่าสามารถทำได้

โดยสถานการณ์การเวลานี้ได้ “ยกระดับรวดเร็วมาก” เพราะเพียงเกิดเหตุไม่กี่ชั่วโมง ไม่ทันถึงเที่ยงก็มีการส่งเครื่องบิน เอฟ 16 ขึ้นถล่มฐานที่มั่นของฝ่ายกัมพูชาหลายจุด มีการทำลายฐานยิงจรวด รวมถึงทำลายกองพลน้อยสนับสนุนที่ 8 และ 9 ที่ถูกระบุว่าใช้เป็นฐานยิงจรวดหลายลำกล้องแบบไร้ทิศทางเข้ามาฝั่งไทย ทำให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิต และทรัพย์สินจำนวนมาก

และก็ไม่เหนือความคาดหมาย หลังจากที่กองทัพไทยตอบโต้อย่างรุนแรง ทำให้ฝ่ายกัมพูชา โดยนายฮุน มาเน็ต ส่งหนังสือ ถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ให้เข้ามาแทรกแซงหยุดยิง โดยกล่าวหาว่า ไทยรุกราน

ดังนั้น นาทีนี้เมื่อกองทัพไทยเปิดฉากตอบโต้แล้วก็ “ต้องไปให้สุด” และผลักดันทหารกัมพูชาออกไปให้พ้นชายแดนที่เป็นปัญหาให้รวดเร็ว เพื่อรอให้มีการเจรจาหยุดยิงทีหลัง ขณะเดียวกัน เวลานี้อารมณ์คนไทยเห็นตรงกันแล้วว่าต้องขับไล่ไปพร้อมกันทั้ง “ฮุน-ชิน” เพราะมีแต่สร้างปัญหาไม่รู้จบ แบบน่ารำคาญ!!



กำลังโหลดความคิดเห็น