ป.ป.ช.เรียก ‘ศรีสุวรรณ’แจง หลังรับคำร้อง“อิ๊งค์-ภูมิธรรม”ปล่อยเขมรรุกล้ำอธิปไตยที่ช่องบก ชี้เข้าข่ายละเลยต่อหน้าที่ ผิดม.157-ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง
วันนี้(22ก.ค.) นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เปิดเผยว่า วันนี้ได้เข้าให้ถ้อยคำต่อคณะทำงานไต่สวนสำนักงาน ป.ป.ช.กรณีเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.องค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้ยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนและมีความเห็นกรณีนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ขณะนั้นปล่อยให้ทหารกัมพูชาหรือเขมรรุกล้ำยึดครองอาณาเขตประเทศไทยบริเวณช่องบก จ.อุบลฯมากถึง 150-200 เมตร นานกว่า 10 วันจนเกิดเหตุปะทะกันกับทหารไทยเมื่อ 28 พ.ค.68 ที่ผ่านมา
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า จากคำร้องดังกล่าว ป.ป.ช.ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อดำเนินการไต่สวนตามข้อกล่าวหาเพื่อให้ได้รับทราบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านและครบถ้วนตามอำนาจหน้าที่ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.กำหนด ตามมาตรา 34(1)และ(2) ประกอบมาตรา 50 พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 ก่อนที่จะทำรายงานการไต่สวนเบื้องต้นเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช.ภายใน 180 วัน เพื่อชี้มูลต่อไป ดังนั้นวันนี้องค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน จึงรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาแถลงและให้ถ้อยคำเพิ่มเติมต่อคณะกรรมการไต่สวนเพื่อเอาผิดผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทั้งสองตามครรลองของกฎหมายโดยเร็ว
นายศรีสุวรรณ กล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมในขณะนั้นในฐานะประธานและรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ มีหน้าที่ปกป้องและรักษาผลประโยชน์ของชาติ ตามนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ.2566-2570 ตามข้อเสนอแนะของสภากลาโหม ตามมาตรา 13 มาตรา 14 และมาตรา 15 แห่ง พรบ.สภาความมั่นคงแห่งชาติ 2559 การปล่อยให้ทหารของกัมพูชายึดครองพื้นที่ขุดทำคูเลต รุกล้ำพื้นที่ที่ช่องบก รวมทั้งเข้ามาวางทุ่นระเบิดเป็นจำนวนมากในแผ่นดินของไทย โดยที่ รมว.กลาโหมก็ออกมายอมรับว่าทหารเขมรรุกล้ำเข้ามาในเขตแดนไทยดังกล่าวจริง จึงเป็นการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายดังกล่าวกำหนดอำนาจหน้าที่ไว้ และยังเข้าข่ายละเว้นต่อการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ด้วย รวมถึงฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมฯอย่างร้ายแรงด้วย