ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ เกมอีกราย “สมีสฤษดิ์” ดอกเตอร์ทางพุทธศาสนา อดีตพระราชาคณะชั้นธรรม ถึงจุดจบเพราะราคะ
พีกไม่พัก ข่าวคราวพระราคะก่อเรื่องเสพสีกา โกงเงินวัด ยังคงครองพื้นที่สื่อต่อเนื่อง
ล่าสุด อดีตพระธรรมวชิรธีรคุณ (สฤษดิ์ สิริธโร ป.ธ.9, รศ.ดร.)เจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง เจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ต้องลาสิกขากลางดึก วันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา
เนื่องเพราะทนแรงกดดันไม่ไหว หลังจาก “บิ๊กเต่า” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ออกมาแย้มๆกับนักข่าวล่วงหน้าหลายวันก่อนว่า จะมีเรื่องพระผู้ใหญ่พัวพันเรื่องฉาวคล้ายๆคดี “สีกากอล์ฟ” อีก แต่คราวนี้ฝ่ายหญิงไม่ใช่สีกากอล์ฟ
เรื่องราวก็เนื่องมาจากมีผู้ร้องเรียนส่งไปยังศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ของ บช.ก. เกี่ยวกับพฤติกรรมสัมพันธ์ฉาวระหว่าง “อดีตพระธรรมวชิรธีรคุณ” กับเศรษฐีนี ประจำจังหวัดนครสวรรค์
ซึ่งนอกเหนือจากการกระทำผิดวินัยสงฆ์อย่างร้ายแรงเรื่อง “เสพเมถุน” แล้ว อาจมีการกระทำผิดคดีอาญา ในเรื่องเกี่ยวกับการทุจริตเงินของวัดไปใช้ส่วนตัวอีกด้วย
เมื่อกระทำความผิดวินัยสงฆ์อย่างร้ายแรง พอพ้นจากความเป็นพระ ก็สมควรแล้วที่ชาวบ้านจะเรียกว่า “สมีสฤษดิ์” แทนที่จะนำหน้าชื่อด้วย “ทิด” ซึ่งมีความหมายว่า “บัณฑิต” เช่นอดีตพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ รูปอื่นๆ
ก่อนลาสิกขากลางดึก เมื่อวันที่ 19 ก.ค.นั้น “สมีสฤษดิ์” ได้เซ็นหนังสือประกาศขอลาออกจากตำแหน่ง เจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา
โดยอ้างปัญหาด้านสุขภาพและอายุมากขึ้น ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
แต่สาเหตุสำคัญก็น่าจะเป็นเพราะถ้าขืนยังอยู่ในตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดแล้ว หลักฐานถูกเปิดออกมา ภาพจะออกมาเป็นว่า สึกเพราะจำนนต่อหลักฐาน จึงขอชิงลาออก และลาสิกขาดีกว่า แม้จะเป็นเวลาดึกๆ ดื่นๆ แล้วก็ตาม
ทราบมาว่า หลักฐานสำคัญที่ตำรวจได้มาก็คือ ข้อความแชต ระหว่าง “สมีสฤษดิ์” กับ “เศรษฐีนีเมืองปากน้ำโพ” ในลักษณะที่ไม่ใช่พระสนทนากับอุบาสิกา แต่เป็น “ผัวเมีย” คุยกัน และเชื่อกันว่าทั้งสองคบหาอยู่กินกันมานานกว่า 15 ปีแล้ว
ทั้งยังมีหลักฐานเด็ดอื่นๆ อาทิ ภาพถ่ายคู่กันในห้อง ขณะ “สมีสฤษดิ์” สวมวิกผม ถอดเสื้อนั่งแนบชิด ให้สีกาที่ใส่เสื้อกล้ามสีขาวตัวบางๆ โชว์เนินหน้าอกเอามือกอดคอ เป็นต้น
ส่วนประเด็นเรื่องการทุจริตนั้น แนวทางสืบสวนพบว่า “สมีสฤษดิ์” น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตโครงการก่อสร้างพุทธอุทยาน ซึ่งดำเนินการมากว่า 10 ปี แต่ยังไม่แล้วเสร็จ
แม้ว่าจะได้เรี่ยไรเงินบริจาคจากวัดต่างๆ ในนครสวรรค์รวมเป็นเงินกว่าร้อยล้านบาท แต่ท้ายที่สุดเงินบริจาคดังกล่าวกลับไม่ได้ถูกนำไปใช้ในการก่อสร้างโครงการพุทธอุทยาน
จนกระทั่ง “หลวงพ่อพัฒน์” อดีตเจ้าอาวาสวัดห้วยด้วน เกจิดังนครสวรรค์ ได้เข้ามาช่วยบริหารจัดการต่อในช่วงที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ และดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จได้ในที่สุด
ขณะที่ทรัพย์สินของฝ่าย “เศรษฐีนีเมืองปากน้ำโพ” ผู้มีสัมพันธ์กับ “สมีสฤษดิ์” เบื้องต้นก็มีทั้งบ้านหลังใหญ่ในนครสวรรค์ 2 หลัง รถยนต์ฮอนด้าแอคคอร์ด ไฮบริด, โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์, โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้, สร้อยคอทองคำ สร้อยเพชร และ แหวนเพชร อีกหลายรายการ รวมไปถึงที่ดินที่ อ.เวียงป่าเป้า เชียงราย
ว่ากันว่าเหตุที่เบื้องหลังสัมพันธ์ฉาวระหว่าง “สมีสฤษดิ์” กับ “เศรษฐีนีเมืองปากน้ำโพ” ปูดออกมาจนล่วงรู้ถึงคนภายนอกนั้น ก็เป็นเพราะพฤติกรรมของ “สมีสฤษดิ์” เองที่ไปติดพันกับสีการายใหม่อีก
ทำให้เศรษฐีนีไม่พอใจ มักแสดงอาการหึงหวงอย่างออกหน้า ออกตา รวมถึงนำเรื่องราวไปบอกเล่าให้กับผู้อื่นฟัง จนทำให้คนรอบข้าง หรือชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าว เริ่มรับรู้ถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของทั้งสอง
ขณะที่คนวงในของวัดแย้มข้อมูลมาว่า “สมีสฤษดิ์” มีสีกาในจักรวาลของตัวเองพร้อมกันถึง 3 คน บางคนมีดีกรีจบปริญญาเอก เป็นศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยชื่อดังในจังหวัด จึงคาดว่าเรื่องแดงขึ้นมาก็เพราะบรรดาสีการ้องเรียนกันเอง
ถึงเวลานี้ต้องบอกว่า เรื่องทุจริตเงินวัดนั้น อาจจะยังต้องหาหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์ว่า“สมีสฤษดิ์” เกี่ยวข้องหรือไม่
แต่เรื่องทำผิดวินัยสงฆ์อย่างร้ายแรงนั้น “สมีสฤษดิ์” คงแก้ตัวไม่ออก เพราะหลักฐานมีอยู่ทนโท่
เรียกว่าทำตัวเองแท้ๆ ปริญญาธรรม 9 ประโยคที่สอบได้ วุฒิปริญญาเอก สาขาวิชาพระพุทธศาสนา จากมหาจุฬาฯ สมณศักดิ์พระราชาคณะชั้นธรรม ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
++ “ฮุนเซน - ทักษิณ” ผีเน่า กับโลงผุ แต่ยังร้องเรียกหา “คุณธรรม จริยธรรม”
ช่วงนี้ “ทักษิณ ชินวัตร” กับ “ฮุน เซน” ปะทะคารม ผ่านสื่อกันถี่ขึ้น และแฉกันดุเดือด
ย้อนไปตั้งแต่ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาปะทุขึ้นมา มีการปิดด่าน ตัดการติดต่อค้าขาย “ฮุน เซน” ประธานวุฒิสภากัมพูชา ก็เลยเอาคลิปเสียงที่คุยกับ “หลานอิ๊งค์” ออกมาแฉ จนเรื่องบานปลาย “แพทองธาร ชินวัตร” ถูกศาลรัฐธรรมนูญ สั่งพักการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี จนกว่าการพิจารณาเรื่อง “ผิดจริยธรรมร้ายแรง” จะเสร็จสิ้น
ช่วงนั้น “แพทองธาร” แทบไม่อยากเจอหน้าผู้สื่อข่าว ส่วน “ทักษิณ”ก็กบดานเงียบอยู่นานนับสัปดาห์ รัฐบาลก็อยู่ในภาวะง่อนแง่น
ในที่สุด “ทักษิณ” ก็ตัดสินใจ ต้องออกมากอบกู้วิกฤต โดยให้สัมภาษณ์ในรายการ "ผ่าทางตันประเทศไทย” กับ 3 พิธีกร ระดับบรรณาธิการใหญ่เครือเนชิน เมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา
“ทักษิณ” บอกว่า รู้สึกช็อกกับสิ่งที่ “ฮุน เซน” ทำกับลูกสาวตนเอง และบอกถึงความสัมพันธ์กับ “ฮุน เซน” ว่า เคารพนับถือกันมาอย่างยาวนานกว่า 30 ปี วันนี้มันได้จบลงแล้ว ความเป็นพี่เป็นน้อง ไม่เหลือแล้ว ลืมชื่อกันไปแล้ว และยอมรับว่าพลาด ที่ไปคบคนแบบนี้ เพราะ “เขาเจ้าเล่ห์”
เมื่อถามถึงสาเหตุของความขัดแย้ง ซึ่ง “ทักษิณ”น่าจะรู้แก่ใจ ว่ามาจากเรื่องอะไร แต่ “ทักษิณ”ก็ตอบแบบเลี่ยงไปว่า “ผมคงไปเหยียบตาปลา หรืออะไรสักอย่าง”
จากนั้น ทางฝั่ง “ฮุนเซน” ก็ออกมาแฉ “ทักษิณ” ผ่านทางโซเชียลฯบ้าง ผ่านการพูดกับผู้นำทางทหารกัมพูชาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทักษิณแกล้งป่วย เรื่องจะยึดคืนกระทรวงมหาดไทยจากพรรคภูมิใจไทย เรื่องจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง เรื่องส่งเอกสารลับ ยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้ จนชาวโชเชียลฯ ยุให้แฉอีก เอาอีก
ต่อมา วันที่ 17 ก.ค. “ทักษิณ” ได้ไปปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤตโลกฯ” ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มีไฮไลต์ ที่ ทักษิณ พูดถึง ฮุน เซน ว่า...
“เรื่องที่เกิดขึ้นกับกัมพูชา ผมก็แปลกใจ ผู้นำเขมรมันไร้จริยธรรมจะตาย แต่เรากลับไปเข้าข้างมัน ผมก็งงว่า วันนี้ทำไมคนไทยไม่รักกัน ทั้งที่สิ่งนี้ไม่น่าเกิดไม่มีผู้นำคนไหนในโลกเขาทำกัน แต่เรากลับทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พรรคที่เพิ่งหลุดจากพรรคร่วมรัฐบาล ก็กลับมามองว่าเป็นการขายชาติ เลยไม่รู้ว่าตกลงว่าเขาเป็นเขมร หรือเป็นไทย”
นอกจากซัด “ฮุนเซน” แล้ว “ทักษิณ” ยังแขวะไปที่พรรคภูมิใจไทยด้วย
ล่าสุด “ฮุนเซน”ออกมาเคลื่อนไหวผ่านโซเชียลฯ อีกครั้ง หลังถูก “ทักษิณ” ตีตราให้ว่าเป็นคน “ไร้จริยธรรม” โดยโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ว่า
“ผมเองต่างหาก ที่ไม่ต้องการพูดคุยกับเขา ตั้งแต่ลูกสาวของเขา (แพทองธาร ชินวัตร ) ดูหมิ่น และเหยียดหยามผมแล้ว นอกจากนี้ผมยังไม่มีความตั้งใจที่จะพูดกับผู้ที่มีประวัติอาชญากรรม และกำลังจะเผชิญข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีก ดังนั้น อย่าคิดว่าตัวเองมีค่าสูงส่งอะไรนัก เพราะการพูดกับคุณ ไม่ได้ก่อประโยชน์อะไรแก่ผมเลย!
ในมุมมองของผม ตั้งแต่ทักษิณเข้ามามีบทบาทในการเมืองไทย ประเทศไทยก็ตกอยู่ในความวุ่นวาย ลึก เรื่อยมา โดยเฉพาะตั้งแต่รัฐประหารปี 2549 ผมก็ไม่อยากจะรื้อฟื้นคำพูดที่คุณเคยดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ไทย เพราะมันเป็นคำพูดที่รุนแรง และไม่เหมาะสมสำหรับผมที่จะกล่าวซ้ำ เพราะมันบั่นทอนศักดิ์ศรีของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย และคุณก็ยังยอมรับด้วยตัวเองว่า สิ่งที่คุณพูดนั้นเป็นความจริง
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา คุณกล่าวว่า ผู้นำกัมพูชาขาดคุณธรรม ซึ่งเป็นคำดูหมิ่นรุนแรง เช่นเดียวกับคำที่ลูกสาวของคุณใช้ดูถูกผู้นำกัมพูชา โดยกล่าวว่าเขาไร้ความเป็นมืออาชีพ ซึ่งสร้างความไม่พอใจอย่างมากในหมู่ประชาชนกัมพูชา
ผมอยากถามคุณว่า ถ้าผมขาดคุณธรรมจริง ทำไมคุณถึงต้องพึ่งพาผมมาตลอด 19 ปี (2549–2568) ทำตามคำแนะนำของผม และถึงขั้นเรียกผมว่า “ผู้นำหมายเลข 1” ?
“ฮุน เซน” ยังบอกว่า สโลแกน “ทักษิณคิด เพื่อไทย” ที่ให้ในการหาเสียงเลือกตั้งปี 2554 นั้นก็ได้มาจากตัวเขาที่เป็นคนคิดขึ้นมา
“ฮุนเซน” ยังทิ้งระเบิด ส่งท้ายว่า ข้อกล่าวหาที่ว่า “ทักษิณ” คือผู้อยู่เบื้องหลังพรรคเพื่อไทยนั้น เป็นความจริง รวมทั้ง
การทรยศ ต่อพ่อพรรคร่วมอย่าง “ภูมิใจไทย” ก็เป็นความคิดของ “ทักษิณ” ไม่ใช่ของ “อุ๊งอิ๊งค์”
เจอเข้าไปรอบนี้ เชื่อว่า “ทักษิณ” แทบกระอัก เพราะ“ฮุน เซน” แฉแบบทวงบุญคุณว่า ที่ผ่านมานั้น “ทักษิณ” มีแต่ไปพึ่งพิงเขา ไม่ได้เก่ง ไม่ได้เจ๋งจริง
ขณะที่ฝ่ายทักษิณนั้น มักจะโต้ด้วยวาทกรรม มากกว่าเอาเรื่องเบื้องลึก เบื้องหลัง หรือเรื่องผลประโยชน์ของ ฮุน เซนมาแฉ คนจึงให้น้ำหนัก ในเรื่องที่ ฮุน เซน พูดมากกว่า
ต้องติดตามกันต่อไป เพราะคู่นี้คงไม่จบแบบแยกย้ายกันไปในตอนนี้แน่