“จักรภพ” ขอโทษ “จิรายุ” ที่ทีมงานโพสต์ข้อความ “ว่าที่โฆษกรัฐบาล” ในเฟซบุ๊ก ทำให้รู้สึกโดนแย่งงาน แจงได้รับการทาบทามและตนก็รับปาก เพราะคิดว่าคุยกันภายในแล้ว ชี้ งานการเมืองขณะนี้ชักช้าไม่ได้ เปรียบเรือกำลังแล่นฝ่ามรสุม มีหินโสโครกรอให้ชนอยู่เป็นจำนวนมาก อย่าเสียเวลาเถียงกันว่าใครจะได้นอนห้องไหน
วันนี้ (15 ก.ค.) นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรี และอดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “จักรภพ เพ็ญแข - Jakrapob Penkair” ชี้แจงกรณีที่ก่อนหน้านี้ได้โพสต์ข้อความในทำนองว่าตนเองเป็น “ว่าที่โฆษกรัฐบาล” และได้เตรียมกรอกประวัติไว้แล้ว ในขณะที่ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกรัฐบาลตัวจริง ยังไม่ได้พ้นจากตำแหน่ง
นายจักรภพ ระบุว่า “ผมต้องขอโทษ คุณจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ทำให้ท่านรู้สึกว่าผมมาวุ่นวายกับงานของท่าน ความจริงผมไม่มีเจตนาใดๆ เลยที่จะให้ภาพออกมาแบบนี้
“ข้อเท็จจริงคือ ผมได้รับการทาบทามให้เข้ามาทำงานนี้ โดยท่านที่ทาบทามใช้คำว่า “มาช่วยรับ (หน้าที่นี้) ได้ไหม?“ เพราะท่านทราบดีว่าผมเคยรับตำแหน่งที่สูงกว่ามาก่อน ก็เลยให้เกียรติถามความสมัครใจ ผมรับทันที เพราะเข้าใจว่าคงจะได้พูดจากันภายในเรียบร้อยแล้ว และมั่นใจว่า ผมจะช่วยงานนี้ตามความจำเป็นของรัฐบาลได้ ผมรู้สึกว่างานการเมืองในระยะนี้ชักช้าไม่ได้ ความขัดแย้งกำลังสูง เกิดความเข้าใจผิดในชาติได้มากมาย ใครก็ตามที่ทำหน้าที่นี้ต้องลงมือทำโดยไม่รอช้า นั่นคือ เหตุผลที่ผมตอบคำถามสื่อมวลชนทุกค่ายที่ถามเข้ามาว่า จะเข้ารับตำแหน่งนี้หรือไม่ ส่วนสื่อทั้งหลายจะทราบจากแหล่งข่าวไหนนั้นผมไม่แน่ใจ เพราะผมไม่ได้บอกกล่าวกับใครในเรื่องนี้
“ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากผมโดยตรง คือ ทีมงานที่ช่วยโพสต์ข้อความใน Facebook แทนผมนั้น ใช้คำว่า “ว่าที่โฆษก” เพราะเขาคิดว่าถึงเวลาที่จะออกข่าวได้แล้ว แต่ใครเป็นผู้โพสต์ก็ตามนั้น ความรับผิดชอบย่อมเป็นของผม เพราะผมเป็นเจ้าของบัญชี Facebook นั้น จึงต้องรับผิดชอบการกล่าวคำขอโทษ
“จากนี้ไปเป็นเรื่องของคณะรัฐมนตรีที่จะวางคนในการทำงาน ผมจะทำหน้าที่ของผมไปอย่างอิสระ เพราะบ้านเมืองจำเป็นต้องสื่อสารกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อประชาชนเจ้าของประเทศจะได้รู้ทิศทางในการวางแผนและดำรงชีวิตท่ามกลางความเปลี่ยนแปรอย่างรวดเร็วของโลกและของบ้านเมือง
“แต่ขอฝากไว้ว่า เรือที่มีธงไทยกำลังแล่นฝ่ามรสุมและน่านน้ำที่มีหินโสโครกรอให้ชนอยู่เป็นจำนวนมาก อย่าเสียเวลาถกเถียงกันนานนักเลยว่าใครจะได้นอนห้องไหน” นายจักรภพ ระบุ