xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กอ้วน” นั่งไม่ติด สั่ง “สุชาติ” เร่งประสานตำรวจจับกุมพระเอี่ยว “สีกา ก” - ให้พาณิชย์เร่งช่วยผู้ค้าโดนผลกระทบปัญหาชายแดน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รักษาการนายกฯ สั่งการด่วน ให้ “สุชาติ ตันเจริญ” รมต.สำนักฯ ประสาน สตช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจับกุม บุคคลที่เกี่ยวข้องกับสีกา “ก” พร้อมสั่งการให้ยกร่างแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับพระสงฆ์ให้ชัด ส่วนปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ให้พาณิชย์และทุกหน่วยให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการและดูแล ปชช.อย่างเต็มที่ ส่วนการปราบยาเสพติดและความปลอดภัย ให้ใช้โมเดล ตร.ภูธร ภาค 6 ที่ประสานใช้ CCTV จับกุมคนร้ายทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และ ขบวนการยาเสพติด ให้ไปใช้ทั่วประเทศ

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในที่ประชุมดังนี้
 
1. เรื่อง ปัญหาพระภิกษุสงฆ์ กระทำความผิดวินัยสงฆ์ ในกรณีพระชั้นผู้ใหญ่หลายรูปกระทำผิดวินัยสงฆ์ ซึ่งปรากฏว่า พระหลายรูปได้มีการลาสิกขาไปแล้ว แต่ขณะที่ยังมีพระอีกหลายรูป ที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว ซึ่งส่งผลกระทบต่อความศรัทธาของประชาชนต่อพุทธศาสนาของประเทศโดยรวม
 
จึงขอให้ นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับ ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาร่วมกับมหาเถรสมาคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการติดตามพระสงฆ์และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดทุกฝ่ายในเรื่องนี้ มาเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย และดำเนินตามวินัยสงฆ์ ตลอดจนพิจารณาถึงการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ครอบคลุมถึงความผิดในทุกมิติ รวมถึงการบริหารจัดการดูแลเงินของวัดให้มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อไม่ให้เกิดความเสื่อมเสียแก่พระพุทธศาสนา และให้กระทรวงวัฒนธรรม รณรงค์ร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมไทยพุทธที่ถูกต้อง รวมทั้งวิธีการปฏิบัติตนระหว่างฆราวาส และพระสงฆ์ ในการดำเนินชีวิตตามวิถีขนบธรรมเนียมประเพณีไทย เพื่อธำรงไว้ซึ่งศีลธรรมอันดี ความสงบเรียบร้อยของประชาชนในสังคม

2. กรณีชายแดนไทย-กัมพูชา รักษาการนายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการว่า ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ดำเนินมาตรการในการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการในจังหวัดชายแดน จากการที่รัฐบาลได้มีมาตรการจำกัดเวลาในการเปิด-ปิดด่านในจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา 7 จังหวัด ซึ่งอาจจะกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนและผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจตามแนวชายแดนนั้น โดยสั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการดังนี้

ให้กระทรวงพาณิชย์ เร่งดำเนินการหามาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการตามแนวชายแดนที่จะต้องมีการส่งสินค้าข้ามแดน ในการหาตลาดหรือขอความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชนในการรับซื้อสินค้า ตลอดจนกระบวนการขนส่งสินค้าที่อาจจะต้องใช้ระยะเวลาที่นานขึ้น เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ผู้ประกอบการในบริเวณดังกล่าว

และให้กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานความมั่นคง ดูแลความปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ และไม่ให้กระทบต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนทั้ง 2 ประเทศ โดยคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยธรรมสากลเป็นที่ตั้ง

3. สำหรับมาตรการยกระดับความปลอดภัย ทั้งในเรื่องการดูแลนักท่องเที่ยว และการป้องกันและปราบปราม ยาเสพติด และขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งที่ผ่านมากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ที่รับผิดชอบ จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กำแพงเพชร ตาก พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ ได้มีการบูรณาการในการนำข้อมูลของหน่วยงานต่างๆร่วมใช้กับกล้อง CCTV แล้วเกิดผลสำเร็จทำให้สามารถติดตามตรวจสอบผู้กระทำความผิดทั้งในด้านยาเสพติด ขบวนการ call center ที่อาศัยประเทศไทยเป็นทางผ่าน ในบริเวณภาคกลางตอนบน ภาคเหนือ และภาคอีสานได้เป็นอย่างมาก

“จึงขอให้หน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง บูรณาการนำข้อมูล และระบบดังกล่าวมาใช้ในการเพิ่มมาตรการความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน และนักท่องเที่ยว ในบริเวณชุมชนโดยเฉพาะบริเวณแหล่งท่องเที่ยว โรงพยาบาล โดยเริ่มนำร่องในจังหวัดหลัก เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชน และนักท่องเที่ยวโดยเร็วตามนโยบายของรัฐบาล” นายจิรายุ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น