xs
xsm
sm
md
lg

อุ๊บ!..ใครๆ ก็อยากเห็น "อิ๊งค์" ลาออก และทำไมยังคิดถึง"ลุงตู่"!? ** “ทักษิณ” เดินหน้ารักษาอำนาจ ไม่สน ถูกร้องครอบงำพรรค ครอบงำรัฐบาล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


แพทองธาร ชินวัตร - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา - ทักษิณ ชินวัตร
ข่าวปนคน คนปนข่าว


++ อุ๊บ!..ใครๆ ก็อยากเห็น "อิ๊งค์" ลาออก และทำไมยังคิดถึง"ลุงตู่"!?

เรียกว่าเป็นเสียงสะท้อนที่ "ทักษิณ ชินวัตร" และ "อิ๊งค์" แพทองธาร ชินวัตร น่าจะต้องกำหมัดแน่น เพราะจากผล“นิด้าโพล”ล่าสุดที่ 42.4% เห็นว่า แพทองธาร ชินวัตร ควรลาออก เพื่อเปิดทางการเมืองเดินหน้าต่อ

ขณะที่ร้อยละ 39.9% มองว่า ควรยุบสภา แล้วเลือกตั้งใหม่ มีแค่ 15% ที่เห็นว่าควรให้ "อิ๊งค์" ทำหน้าที่นายกฯต่อไป
ส่วนที่เหลือ เช่น เรียกร้องรัฐประหาร หรื อไม่ตอบอยู่ในสัดส่วนเล็กน้อย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ส่วนคำถามที่ว่า ถ้านายกฯเปลี่ยน แล้วที่เหลือตามบัญชีแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคการเมือง ใครคือนายกฯที่ใช่ ? 32.8% เลือก "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้คัมแบ็กกลับมานั่งเก้าอี้ตัวเดิม แต่จำนวนไม่น้อยหรือ 27.9% บอกว่า ไม่เอาใครทั้งนั้น!

เช่นเดียวกับตัวเลือกอื่นเช่น "เสี่ยหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย “ชัยเกษม นิติสิริ” มีเสียงเห็นด้วยเปาะแปะเล็กน้อย

ส่วน"ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อยู่ในสายตาประชาชนเลือกยังไม่ถึง 1%

ชัยเกษม นิติสิริ
งานนี้ผลโพลเป็นสัญญาน ว่า "อิ๊งค์" กำลังเผชิญแรงกดดันสูงแม้ "ทักษิณ" พยายามแก้เกมออกโรงออกหน้ามาเองระหว่างที่ "อิ๊งค์" ถูกพักปฏิบัติหน้าที่ อาจจะไม่เพียงพอ

ไม่แปลกใจที่สปอตไลต์ ฉายไปที่นายกฯสำรองคนที่สอง "ชัยเกษม" มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ท่าทีของ "ชัยเกษม" แสดงออกมาว่า หากได้เป็น "นายกฯ" จริงจะขอเป็น "อิสระ" ไม่ต้องการถูก"ครอบงำ" นั้นทำให้ "ทักษิณ" ไม่ปลื้มอย่างแรง

นั่นจึงเป็นที่มาว่า “ทักษิณ” ต้องทำทุกอย่าง เพื่อให้ลูกอยู่ในตำแหน่ง และแสดงความมั่นใจ งัดแผน "ใจดีสู้เสือ" แบบรุกด้านจิตวิทยากับสาธารณะ รับเชิญไปทุกที่ทุกเวทีที่จะมีโอกาสออกสื่อ

และทุกครั้งที่การเมืองไม่สงบ ในภาพที่นายกฯลาออก มีหรือไม่มีนายกฯใหม่ ทำไมชาวบ้านก็ยังให้ใจ “ลุงตู่” กลับคืนตำแหน่ง !?
นี่ก็ไม่มีนัยยะสำคัญอะไรนอกเสียจากว่า มองหน้า "แคนดิเดต"นายกฯ เวลานี้แต่ละคน “อนุทิน-ชัยเกษม-พีระพันธุ์”หรือจะเป็น "ลุงป้อม" พลเอกประวิตร คิดยังไง...ก็ไม่ไหว ไม่ใช่แน่...งานนี้ถอนหายใจกันยาวไป

ทักษิณ ชินวัตร
++ “ทักษิณ” เดินหน้ารักษาอำนาจ ไม่สน ถูกร้องครอบงำพรรค ครอบงำรัฐบาล

เพราะ “อุ๊งอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ “พ่อนายกฯ” ทักษิณ ชินวัตร จึงต้องออกหน้า มาแก้ต่าง คุมเกม เพื่อไม่ให้เกิดภาพสุญญากาศทางอำนาจ

เมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา จึงได้เห็นบทบาทของ “ทักษิณ” ที่ไปเป็นแขกรับเชิญร่วมเสวนา “เอ็กซ์คลูซีฟ ทอล์ก ผ่าทางตันประเทศไทย” ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท รวมทั้งการให้สัมภาษณ์ หลังการเสวนา ไม่ต่างจากเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ เป็นนายกรัฐมนตรี

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปรับครม. ดึงกระทรวงมหาดไทยคืนมา แก้ปัญหารัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ปกป้อง “นายกฯอิ๊งค์” จากเรื่องคลิปเสียง กระทั่งว่า ถ้า “อิ๊งค์” ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะเอาใครมาแทน

“ทักษิณ” อธิบายเป็นฉากๆ ถึงแนวทาง “การรักษาอำนาจ” จนมีเสียงวิพากวิจารณ์ตามมาว่า นี่เป็นการแทรกแซง ครองงำ พรรคเพื่อไทย ครอบงำรัฐบาล หรือเปล่า!

แต่ “ทักษิณ” ไม่สนใจ ถัดมาอีก 2 วัน คือวันที่ 11 ก.ค. ก็เข้าบ้านพิษณุโลก นั่งหัวโต๊ะคณะที่ปรึกษา และ “ทีมไทยแลนด์” เพื่อตัดสินใจ หาทางออกเรื่องภาษีสหรัฐฯ

มีคำถามตามมาทันที ว่า “ทักษิณ” เข้าไปในฐานะอะไร อย่างนี้ชัดเจนไหมว่า “ครอบงำรัฐบาล”

แต่บรรดาลิ่วล้อก็ออกมาโต้ตอบแทนนาย อย่างเช่น “วิสุทธิ์ ไชยณรุณ” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ประธานวิปรัฐบาล บอกว่า การเชิญไปให้คำแนะนำ ในเวทีสาธารณะเช่นนี้ ไม่ใช่การครอบงำ เป็นการพูดถึงสถานการณ์ภาพรวม

...จะเป็นการครอบงำได้อย่างไร ในเมื่อ “ทักษิณ” ไม่เคยสั่งการสส. หรือข้าราชการ ในพรรคเพื่อไทยก็ไม่เคยสั่ง มาสั่งตนเอง หรือไปสั่ง สส. ให้ทำอะไรก็ไม่เคย ท่านระวังตัว ทั้งในทางปฏิบัติ และคำพูดอยู่แล้ว...

การไปประชุมครั้งนี้ เพราะทีมไทยแลนด์ เชิญไปให้คำแนะนำ ในฐานะผู้มีประสบการณ์ แก้ปัญหาเศรษฐกิจ แล้วมันผิดตรงไหน อย่ามาจ้องจับผิด จะพูดหรือทำอะไร ก็ฟ้องหมด เป็นนิติสงครามไปหมด ประเทศชาติเดินต่อไม่ได้ ...จะกลัวอะไรนายทักษิณขนาดนั้น พวกลูกอีช่างฟ้อง...!

ดนุพร ปุณณกันต์
หรืออย่าง “ดนุพร ปุณณกันต์” โฆษกพรรคเพื่อไทย บอกว่า เรื่องนี้ต้องวางอคติส่วนตัว เอาอคติทางการเมืองออกไปก่อน แล้วมองกันที่ข้อเท็จจริง ที่ผลประโยชน์ของชาติ การที่รัฐบาล หรือรัฐมนตรีเชิญบุคคลภายนอก เข้าไปปรึกษาหารือนั้น เป็นเรื่องปกติมาก สำหรับทุกรัฐบาลในโลกที่ต้องการหาแนวทางที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหา และเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลกำลังพยายามหาทางแก้ไข

ว่ากันว่า สาเหตุที่ทีมไทยแลนด์ ทีมที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก ต้องเชิญ “ทักษิณ”เข้าหารือ เพราะไม่กล้าตัดสินใจในข้อเสนอของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ยื่นเงื่อนไขมา 4 ข้อ คือ

1.ปล่อยตัว “ดร.พอล แชมเบอร์ส” นักวิชาการสัญชาติอเมริกัน 2.ให้ประชาชนไทยมีสิทธิเสรีภาพ ในการวิพากษ์วิจารณ์ทุกเรื่อง หรือเปิดฟรีเรื่อง ม.112 3. ห้ามไม่ให้ประเทศไทยส่งชาวอุยกูร์กลับไปยังประเทศจีน และ 4. ขอใช้ จ.พังงา เป็นฐานทัพเรือสหรัฐฯ

ก็ต้องติดตามกันว่า ผลการเจรจากับสหรัฐจะออกมาอย่างไร ก็พอจะรู้แล้วว่า“ทักษิณ และทีมที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก” ตัดสินใจอย่างไร กับข้อเสนอของ “ทรัมป์”

นอกจากนี้ “ทักษิณ” ยังมีคิวขึ้นเวทีปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ "ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤตโลก" และ "พลิกเกมเศรษฐกิจไทย…สู่อนาคต" ในช่วงค่ำ วันที่ 17 ก.ค.นี้ พร้อมให้สัมภาษณ์พิเศษ ที่ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

เรียกว่าช่วงนี้ ออกงานอีเวนต์กันรัวๆ

มีนักกฎหมายมองว่า หาก“ทักษิณ”ถูกร้องเรียนเรื่อง ครอบงำ ชี้นำพรรคเพื่อไทย ครอบงำรัฐบาล นอกจากเสี่ยงกับโทษยุบพรรคแล้ว ยังอาจมีความผิดอาญา ตามกฎหมายพรรคการเมืองด้วย

“ทักษิณ” ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษา ในข้อหา ทุจริต หรือใช้อำนาจขัดต่อกฎหมายรวม 3 คดี ลงโทษจำคุกรวม 8 ปี แต่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ อภัยลดโทษเหลือจำคุก 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.66

“ทักษิณ” เป็นสมาชิกพรรคการเมืองไม่ได้ เพราะเคยต้องคำพิพากษาให้จำคุก ในข้อหาทุจริต หรือใช้อำนาจขัดต่อกฎหมาย ต้องห้ามตามกฎหมายพรรคการเมือง ปัจจุบันเขาจึงไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย

“ทักษิณ” มีการกระทำโดยเปิดเผย อย่างน้อย 4 ครั้ง ที่แสดงให้เห็นว่าน่าจะเข้าข่ายครอบงำ หรือ ชี้นำกิจกรรมของพรรคเพื่อไทย ในลักษณะที่ทำให้พรรค หรือสมาชิกพรรคขาดความอิสระ ทั้งนี้ไม่ว่าโดยทางตรง หรือโดยทางอ้อม ดังนี้

การให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เมื่อวันที่ 27 พ.ค.68 ที่สำนักงาน ป.ป.ส. กรุงเทพฯ

การให้สัมภาษณ์ในรายการของ Nation TV ชื่อว่า “3 Editors” เมื่อวันที่ 30 พ.ค.68

การเข้าร่วมงาน “55 Years Nation Exclusive Talk: Breaking Through Thailand’s Crisis – Chapter 1” ณ Nation TV สตูดิโอ ช่อง 22 และตอบคำถามของพิธีกร เมื่อวันที่ 9 ก.ค.68

การร่วมถกแผนรับมือ ภาษีทรัมป์ กับแกนนำพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 11 ก.ค.68 ที่บ้านพิษณุโลก

ประเด็นเหล่านี้ อาจทำให้พรรคเพื่อไทย ถูกศาลรัฐธรรมนูญ สั่งยุบพรรคได้ หาก กกต. ส่งเรื่องให้พิจารณวินิจฉัย

และ “ทักษิณ”อาจมีความผิดอาญา ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 10 ปี และ ปรับตั้งแต่ 100,000 บาท ถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง (ตามกฎหมายพรรคการเมืองมาตรา108)

ยังไม่นับเรื่องครอบงำพรรค แต่ขณะนี้ “ทักษิณ” ก็มีเรื่องที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอยู่แล้ว 2 เรื่อง คือเรื่องชั้น 14 รพ.ตำรวจ และ คดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ส่วน “แพทองธาร ชินวัตร” มีเรื่อง “จริยธรรม” ที่อยู่ในมือศาลรัฐธรรมนูญ

และคาดช่วงเดือนสิงหาคม หรือย่างช้าเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ เรื่องชั้น 14 ของ “ทักษิณ” กับเรื่องจริยธรรมของ “อุ๊งอิ๊งค์” น่าจะมีข้อยุติออกมาว่า ... รอด หรือ ไม่รอด!!


กำลังโหลดความคิดเห็น