กกต.ยกคำร้อง 22 ผู้สมัครสว.ระดับจังหวัดขอนแก่นไม่ลงคะแนนเลือกตัวเอง ชี้ไม่พบเรียกรับประโยชน์แลกคะแนน ผู้สมัครยันเห็นคนอื่น มีคุณสมบัติเหมาะสมกว่า
วันนี้ (11ก.ค.) เว็บไซต์สำนักงานกกต.ได้เผยแพร่คำวินิจฉัยกกต.ยกคำร้องกรณี ผู้ร้องกล่าวหาว่าเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 67 ผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา(สว.)ระดับจังหวัดของจ.ขอนแก่น กลุ่มที่2 จำนวน 22 คน นัดพบกันที่ร้านอาหารบ้านโนนเรือง ต.บ้านค้อ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ต่อมาในวันเลือกระดับจังหวัด เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.67 การลงคะแนนเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกัน ผู้ถูกร้องที่ 1, 2 ,5,10,16,17และ21 ได้คะแนน 0 คะแนน โดยไม่ลงคะแนน แก่ตนเองจึงสันนิษฐานว่าผู้ถูกร้องที่ 1-22 จัด ทำ ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัด เตรียม จะให้ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด เพื่อจูงใจให้ผู้อื่นสมัครเข้ารับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือเพื่อจูงใจให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใด และเรียก รับ ยอมจะรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเอง เพื่อเลือกหรืองดเว้นไม่เลือกผู้ใด อันเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 มาตรา 77(1) และมาตรา 81 โดยผู้ร้องระบุตนเองไม่มีพยานหลักฐานและไม่ประสงค์จะให้ถ้อยคำใดเพิ่มเติมอีก
โดยกกต.พิจารณาข้อเท็จจริง การให้ถ้อยคำของผู้ถูกร้องว่าที่ไม่ได้ลงคะแนนให้ตัวเองเพราะเห็นว่าผู้สมัครคนอื่นมีความรู้ความสามารถประสบการณ์ที่เหมาะสมกว่าตน และคำร้องของผู้ร้องแล้ว เห็นว่าเป็นเพียงข้อกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่มีพยานหลักฐานมาสนับสนุนให้น่าเชื่อถือ ประกอบกับจากการไต่สวนพยานประกอบคนที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านในต.บ้านค้อ อ.เมืองจ.ขอนแก่น ให้ถ้อยคำว่า ไม่พบเห็นหรือได้ยินข่าวว่ามีผู้สมัครรับเลือกเป็นส.ว.ได้นัดพบกัน เนื่องจากหมู่บ้านโนนเรือง มีเพียงร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านอาหารตามสั่ง ไม่สามารถนัดพบปะหรือประชุมกันได้และพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 2-4 ซึ่งเป็นผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดขอนแก่น หัวหน้าชุดเคลื่อนที่เร็ว และกรรมการประจำสถานที่เลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับจังหวัดขอนแก่น กลุ่มที่ 2ให้ถ้อยคำสอดคล้องกันว่า ไม่เคยพบเห็นหรือได้ยินข่าวว่ามีการกระทำการฝ่าฝืนกฎหมาย การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา
ส่วนที่ผู้ถูกร้องที่ 9 ให้ถ้อยคำว่า ผู้ร้องเคยเล่าให้ฟังว่า ระหว่างวันที่ 14-15มิ.ย.67 เวลากลางคืน มีผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัดทุกกลุ่มไปประชุมกันที่ โรงแรมขอนแก่นโฮเต็ล อ.เมืองจ.ขอนแก่นนั้น เมื่อไต่สวนพยานประกอบคนที่5 ซึ่งเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดโรงแรมขอนแก่นโฮเต็ลให้ถ้อยคำว่า ระหว่างวันที่ 13-15มิ.ย.67 ไม่มีผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภามาจัดประชุมที่โรงแรมขอนแก่นโฮเต็ล ประกอบกับจากการ ตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกรรมทางการเงินของผู้ถูกร้องที่ 1-22 ระหว่างวันที่ 1พ.ค.-30มิ.ย. ก็ไม่พบข้อมูลที่น่าสงสัยหรือน่าเชื่อว่าจะเกี่ยวข้องกับการกระทำฝ่าฝืนต่อกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา
นอกจากนี้ที่ผู้ร้องอ้างว่า ผู้ถูกร้องที่ 1 2 ,5,10,16,17และ21 ไม่ลงคะแนนแก่ตนเองนั้นตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว.2561มาตรา41(3) บัญญัติว่า ในการเลือกระดับจังหวัดให้ผู้ได้รับเลือกระดับอำเภอแต่ละกลุ่มลงคะแนนเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกันได้ไม่เกิน สองคนโดยจะลงคะแนนเลือกตนเองก็ได้ แต่จะลงคะแนนให้บุคคลใดเกินหนึ่งคะแนนมิได้ ดังนั้นผู้ถูกร้องที่ 1 2 ,5,10,16,17และ21 ย่อมมีสิทธิที่จะลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือบุคคลใดตามความประสงค์ของตนเท่าที่ไม่เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา
ซึ่งจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบันทึกภาพและเสียงที่ติดตั้งไว้บริเวณสถานที่เลือกก็ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ผู้ถูกร้องที่ 1-22มีพฤติการณ์กระทำการฝ่าฝืนต่อกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาแต่อย่างใด อีกทั้งไม่ปรากฎพยานหลักฐานอื่นที่ยืนยันได้ว่ามีการกระทำฝ่าฝืนต่อกฎหมายตามข้อกล่าวหา ข้อเท็จจริงจึงรับฟังไม่ได้ว่าผู้ถูกร้องที่ 1-22 กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561มาตรา 77(1) และมาตรา 81 ตามคำร้อง