“วันนอร์” แจ้งสภาฯ ครม.ถอนร่าง พ.ร.บ.คอมเพล็กซ์ “ภราดร” งงถอนทำไมเอี่ยวคลิปลับฮุนเซนหรือไม่ "จุลพันธ์" โต้เดือด ยันไม่นำกลับเข้ามาอีก

“วันนอร์” แจ้งที่ประชุมสภาฯ ครม.มีมติถอนเอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ ด้าน “เท้ง” ท้วงทันที ถอนแล้วจะนำกลับมาอีกหรือไม่ จี้ “แพทองธาร” ไหนมาสภาแล้ว เป็นตัวแทน ครม.ตอบเลย ด้าน “ภราดร” ลุกเสอญัตติค้านถอนร่าง ซัดการเมืองล้วนๆ งงถอยทำไม ในเมื่อเป็นนโยบายเรือธง ถามคลิป “ฮุนเซน-อิ๊งค์” มี “กาสิโน” อยู่ในดีลลับด้วยหรือไม่ ทำ “จุลพันธ์” นั่งไม่ติด ซัดกลับ ไม่รู้มีดีลลับกินข้าวเหมือนบางกลุ่มหรือไม่ สงสัยหากไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรก ทำไมยังอยู่ร่วมรัฐบาล แจงไม่ได้จะไม่นำกลับเข้ามาอีก

วันที่ 9 ก.ค. 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานในที่ประชุม กล่าวระเบียบวาระที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ ร่างพระราชบัญญัติสถานบันเทิงครบวงจร และได้มีการทำหนังสือมายังสภาขอถอนร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ออกจากระเบียบวาระการประชุม ประธานจึงได้มีการถามที่ประชุมว่าสมาชิกเห็นเป็นอย่างอื่นอยู่หรือไม่

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.พรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ได้ลุกขึ้น สอบถามเหตุผลที่แท้จริงในการถอนร่างกฎหมายฉบับนี้ออกจากวาระการประชุม เพราะวันนี้รัฐบาลถือเสียงข้างมาก ฉะนั้น ไม่ว่าฝ่ายค้านลงมติเป็นอย่างไรคณะรัฐมนตรีสามารถที่จะถอนร่างนี้ออกจากสภาได้อยู่แล้ว แต่เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าการถอนร่างในวันนี้ เพราะรัฐบาลเลยเห็นแล้วว่ากฎหมายฉบับนี้มีปัญหา อยากจะถอนออกไปเพื่อที่จะศึกษาให้รอบคอบ และฟังเสียงประท้วงจากภาคประชาสังคมและภาคส่วนอื่นๆไม่ใช่เป็นการถอนร่างเพียงเพราะรัฐบาลกลัวว่าวันนี้เสียงในสภาไม่พอและจะถูกโหวตคว่ำ จึงอยากให้ตัวแทนของคณะรัฐมนตรีลุกขึ้นมาเพื่อที่จะบันทึกรับปากว่าวันนี้คณะรัฐมนตรีถอนรากออกไปแล้วจะไม่เสนอร่างนี้กลับเข้ามาอีกอย่างน้อย จนกว่าที่จะศึกษากฎหมายฉบับนี้อย่างละเอียดเพียงพอ จึงอยากให้รัฐบาลพิสูจน์ว่าการถอนร่างครั้งนี้เพราะไม่ใช่กลัวเสียงไม่พอ

ทำให้ นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้น เสนอญัตติไม่เห็นด้วยกับการถอนร่างของคณะรัฐมนตรี
จากนั้น นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ชี้แจงเหตุผลต่อการถอนร่างฉบับนี้ออกจากวาระ กล่าวว่ากฎหมายฉบับนี้เสนอโดยกระทรวงการคลัง และประเด็นที่จำเป็นต้องถอนร่างฉบับนี้ออกคือ 1.สถานการณ์การเมืองขณะนี้ มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมากมีการปรับองค์ประกอบของคณะรัฐมนตรีและพรรคร่วมรัฐบาลอย่างมีนัยยะสำคัญ จึงทำให้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่เข้ามาได้ทบทวนกฎหมายฉบับนี้ 2. ตนยอมรับว่าขณะนี้ยังมีความไม่เข้าใจในเรื่องของตัวกฎหมาย รัฐบาลมีความประสงค์ดีที่ต้องการที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เกิดการจ้างงานและการลงทุนขนาดใหญ่ เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงและการสร้างสถานที่ท่องเที่ยวแบบคนสร้าง เพื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้างภาคการท่องเที่ยว เป็นเจตนาประสงค์ของรัฐบาลจริงๆ และเชื่อมั่นว่ากลไกในการขับเคลื่อนเรื่อง Entertainment Complex เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเศรษฐกิจไทย จึงจำเป็นต้องให้สังคมได้พิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะฉะนั้น จุดนี้ไม่ใช่สาเหตุที่สำคัญที่จะบอกว่ากฎหมายมีปัญหาหรือไม่เพราะด้วยหลักการและเหตุผลเราเชื่อมั่นว่าเป็นประโยชน์กับสังคม

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีความหลากหลายทางความคิด และประเทศไทยมีปัญหารุมเร้าหลายประการ ไม่ว่าปัญหาชายแดน ปัญหาเศรษฐกิจในระดับโลก ทางรัฐบาลรับทราบและการลดความขัดแย้งของสังคมลง น่าจะช่วยผ่อนเบาสถานการณ์ได้ดีขึ้น จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะถอนร่างในวันนี้

ส่วนกฎหมายฉบับนี้จะกลับเข้ามาใหม่อีกครั้งหรือไม่นั้น ตนตอบไม่ได้ เพราะอำนาจที่คณะรัฐมนตรีมอบให้มาคือการถอนร่าง ในประเด็นอื่นนอกเหนือจากนี้ด้วยตนเอง 1 คนไม่สามารถตอบได้ ซึ่งกฎหมายแบบนี้ใช้เวลานานและหากในสภายังมีความคิดเห็นที่แตกต่าง ก็ต้องดูว่ามีโอกาสที่จะดำเนินการให้แล้วเสร็จได้หรือไม่


จากนั้นนายภราดร ลุกขึ้นกล่าวว่า ตนฟังเหตุผลแล้ว ไม่สามารถตอบได้ว่าจะนำกฎหมายฉบับนี้กลับเข้ามายังสภาอีกหรือไม่ ตนจึงจำเป็นที่จะสอบถามเพิ่มเติม ถึงท่าทีของ Entertainment Complex ที่มีกาสิโนรวมอยู่ด้วย วันหนึ่ง บอกว่าจะเอาจะเป็นจะตายจะเอาให้ได้ต้องผลักดันเข้าที่ประชุมอย่างเร่งด่วน ข้ามทุกระเบียบวาระขึ้นมาเป็นวาระที่ 1 พรรคภูมิใจไทยได้แสดงความไม่เห็นด้วยขณะนั้น และได้คัดค้านไป แต่กลับบอกว่าตนเองเป็นภูมิใจขวางประชาชนลงถนน แสดงความไม่เห็นด้วยกับท่าทีของรัฐบาล แต่รัฐบาลกลับบอกว่าพวกนี้หน้าเดิมไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลมาอยู่แล้ว แต่วันนี้ไม่เอาก็ชี้แจงเหตุผล และจากการสัมภาษณ์ก็บอกว่าเพราะตอนนี้ไทยมีสถานการณ์ชายแดนทางกัมพูชา ตนก็ไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวข้องกันยังไง แต่นึกถึงคลิปที่นายกพูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ที่พูดว่าจะเอาอะไรขอให้บอก จึงขอถามรัฐมนตรี ว่าส่วนนี้อยู่ในดีลนั้นด้วยหรือไม่

ต่อมาคณะรัฐมนตรีให้เหตุผลว่ามีการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังที่เสนอเรื่องนี้เข้ามาไม่ได้เปลี่ยน แต่เปลี่ยนอย่างเดียวเท่านั้น คือไม่มี 8 คนที่เป็นสัดส่วนของพรรคภูมิใจไทยที่ออกมาจากคณะรัฐมนตรี และเปลี่ยนอย่างเดียวเท่านั้นคือไม่มีเสียง 69 เสียงของพรรคภูมิใจไทย อยู่ในฝั่งรัฐบาลแล้ว
"เหตุผลต่างๆ ที่พูดมาไม่มีประชาชนเกี่ยวข้องอยู่ในสมการของการถอยเลย นี่คือเหตุผลทางการเมืองล้วนๆ ถอยทำไมในเมื่อยืนยันว่านี่คือนโยบายเรือธงของรัฐบาล เป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่จะผลิตรายได้ให้กับประเทศเป็นแสนล้านแล้วถอนทำไม ที่บอกว่าถอนออกไปแล้วจะเสนอใหม่ในเวลาที่เหมาะสม เวลาที่เหมาะสมคืออะไร เหมาะสมคือเสียงในสภาที่ดีลกับงูเห่าเรียบร้อย ถึงจะเอากลับมาเพื่อให้แน่ใจว่าเสียงในสภาแห่งนี้เพียงพอที่จะผ่านร่างหรืออย่างไร" นายภารดร กล่าว
นายภราดร ยังกล่าวด้วยว่า ที่ท่านบอกว่าอย่าบิดเบือนเจตนารมย์ตนเองที่บอกว่าไหนว่าไม่เห็นด้วยกับกาสิโนแล้วจะให้มีการพิจารณาวันนี้ทำไม ทำไมถึงไม่ยอมให้รัฐบาลได้ถอนไป ตนยืนยันจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับกาสิโนและไม่มีวันเห็นด้วย เพราะฉะนั้นอย่าบิดเบือนสิ่งที่จะให้พิจารณาต่อจากวันนี้เหตุ เพราะว่าตนจะแสดงจุดยืนให้เห็นว่าการถอนออกไปไม่ได้เท่ากับการยกเลิก ตนอยากเห็นการยกเลิกไม่อยากเห็นนโยบายเรื่องนี้เข้ามาอยู่ในสภานี้อีกต่อไปจึงจะเป็นที่จะเดินหน้าพิจารณาและลงมติไม่เห็นด้วยเพื่อถอนรากถอนโคนกฎหมายฉบับนี้

นอกจากนี้ นายภราดร ยังหยิบยก ข้อความของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่มีการกล่าวถึง จีนไม่เห็นด้วย ที่ไทยจะทำกาสิโน จะทำให้นักท่องเที่ยวจีนไม่มาไทย

นายจุลพันธ์ ลุกขึ้นชี้แจงว่าไม่มีดีลลับ ที่จะมีการพูดคุยกันในการทำ Entertainment Complex โดยเฉพาะกับที่นายกรัฐมนตรีพูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน หากฟังด้วยใจเป็นกลางก็จะเห็นว่าไม่มีความเสียหายเกิดขึ้นกับประเทศแม้แต่ประเด็นเดียว และสิ่งที่ได้ชี้แจงเบื้องต้นไปแล้วสมการนี้มีประชาชนอยู่ตลอด ก็บอกแล้วว่าด้วยสถานการณ์ที่ประชาชนยังมีความขัดแย้งและไม่เข้าใจกฎหมาย จึงเป็นสาเหตุ ที่ตั้งใจจะถอนกฎหมายนี้ออกไป ส่วนคณะรัฐมนตรีในส่วนของกระทรวงการคลังมีครบถ้วนเหมือนเดิมแต่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ก็มีเยอะจริงๆ และบุคคลเหล่านั้นก็มีสิทธิ์ในการทบทวนกฎหมาย ส่วนกฎหมายฉบับนี้ก็จะกลับเข้าสภาเมื่อไหร่ตนไม่ทราบ นายภารดรก็รู้เพราะเคยเป็นรองประธานสภามาก่อน จะให้ตอบในเรื่องที่ตอบไม่ได้เพราะเป็นเรื่องของคณะรัฐมนตรีจะอ้างว่าจะเสนอญัตติไม่ให้ถอน เพื่อพิจารณาให้ตกก็สามารถทำได้แต่เอาข้อเท็จจริงมาพูดกันกฎหมายตกก็ตกอยู่ในสมัยประชุมนี้สมัยหน้าก็เสนอใหม่ได้อีก เพราะฉะนั้นเหตุผลนี้ไม่ควรยกอ้าง

ส่วนที่นายอนุทินมีการโพสต์เฟซบุ๊ก ยกเรื่องการพูดคุยพูดของผู้นำระดับประเทศตนไม่ได้อยู่ในที่นั่น แต่โดนมารยาทการพูดคุยของผู้นำระดับประเทศเขาไม่เอาออกมาจากที่ลับมาพูดในที่แจ้ง ตนก็ไม่รู้ว่าการพูดคุยนั้นเป็นอย่างไรแต่เราคงไม่บริหารประเทศ โดยพิจารณาจากประเทศใดๆที่ไม่ใช่ประเทศไทยเป็นหลัก พวกตนบริหารประเทศเอาประชาชนคนไทยเอาสภาไทยเป็นหลักพวกท่านจะเห็นชอบไม่เห็นชอบลงมติตามนั้นแต่ไม่ได้พิจารณาจากปัจจัยภายนอกอย่างที่พยายามจะนำเสนอ
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า นายภราดรอาจจะพูดได้ว่า พรรคภูมิใจไทย ไม่เห็นด้วยตั้งแต่ต้น แต่ตอนร่วมรัฐบาลบอกสื่อมวลชนเห็นดีเห็นงามด้วยซ้ำไป วันนี้มีการปรับเปลี่ยนรัฐบาลอาจจะมีการปรับเปลี่ยนแนวความคิด อันนี้ตนยอมรับระยะเวลาเปลี่ยนกาลเวลาเปลี่ยน อะไรก็จะเปลี่ยนแปลงไป ตนไม่เข้าใจว่าทำไมวันนั้นถึง บอกว่าสนับสนุนเพียงเพื่อจะอยู่ในรัฐบาลเพียงเพื่อจะอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีแต่ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายไม่ยกมือให้อย่างนั้นหรือ เป็นอย่างนั้นหรือตนไม่เชื่อ ถ้าไม่เห็นด้วยในวันนั้นก็ถอนตัวจะเอารัฐบาลตั้งแต่วันนั้นไปแล้วแต่วันนี้มาปรับเปลี่ยนแนวความคิดอันนี้ยอมรับกันได้ จึงยิ่งเป็นสาเหตุว่า ถอยกฎหมายฉบับนี้มาสักก้าวหนึ่ง แล้วมาพิจารณาอีกครั้งแล้วจะกลับมาเมื่อไหร่ นายภราดรก็รู้เท่ากับตนว่าตอบไม่ได้ ตนไม่ใช่คณะรัฐมนตรีตนเป็นรัฐมนตรี 1 คนในองค์คณะ

จังหวะนี้ นายณัฐพงษ์ ได้ลุกทักท้วงว่า วันนี้นายกรัฐมนตรีมาที่สภา ถึงแม้จะถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี แต่สามารถเข้าร่วมการประชุมสภาได้ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ถ้ารัฐบาลมีความจริงใจให้นายกรัฐมนตรีมาชี้แจงในฐานะตัวแทนรัฐมนตรี ตนเชื่อว่าตอบได้ เหตุผลที่นายจุลพันธ์ให้ไว้ไม่สามารถยอมรับได้ จึงอยากให้เดินหน้าลงมติให้เพื่อนสมาชิกอภิปราย ตนอยากจะขอเสนอญัตติคัดค้านการใช้ข้อบังคับข้อที่ 88 เช่นเดียวกัน

จากนั้นมีการถกเถียงกันในเรื่องอื่นๆจนสุดท้าย ประธานในที่ประชุม ได้ให้สมาชิก เริ่มอภิปรายญัตติไม่เห็นด้วยกับการถอนร่างพระราชบัญญัติสถานบันเทิงครบวงจร ของนายภราดร