ตุลาการศาล รธน.มีมติ 8 ต่อ 1 ชี้ พ.ร.บ.ชื่อบุคคล พ.ศ.2505 ที่กำหนดให้หญิงหย่าสามีต้องกลับไปใช้นามสกุลเดิม ไม่ขัด รธน.ประเด็นเสรีภาพ-เสมอภาค
วันนี้(8ก.ค.)ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์วินิจฉัยว่า พ.ร.บ.ชื่อบุคคล 2505 มาตรา 13 วรรคหนึ่ง ที่กำหนดให้หญิงที่จดทะเบียนสมรสกับชายแล้วได้รับอนุญาตให้ใช้นามสกุลของสามี เมื่อหย่าจากสามีต้องกลับไปใช้นามสกุลเดิมของตน ไม่เข้าข่ายเป็นการจำกัดเสรีภาพของฝ่ายหญิง ขัดหรือแย้งต่อหลักความเสมอภาคของบุคคลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 วรรคสอง และมติเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 วินิจฉัยว่ามาตรา 13 วรรคหนึ่งดังกล่าว ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 วรรคหนึ่งและวรรคสาม
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย จำนวน 1 คน คือ นายอุดม รัฐอมฤต ที่เห็นว่า มาตรา 13 วรรคหนึ่ง ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 วรรคหนึ่ง และวรรคสาม
ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากศาลจังหวัดธัญบุรีส่งคำโต้แย้งของจำนางแสงศรี จิยะจันทน์ จำเลยในคดีหมายเลขดำที่ พ 1240/2567ที่โต้แย้งว่า พ.ร.บ.ชื่อบุคคล พ.ศ. 2505 มาตรา 13 วรรคหนึ่ง ที่กำหนดให้หญิงที่จดทะเบียนสมรสกับชายแล้วได้รับอนุญาตให้ใช้นามสกุลของสามี เมื่อหย่าจากสามีต้องกลับไปใช้นามสกุลเดิมของตน เป็นการจำกัดเสรีภาพของฝ่ายหญิง ขัดหรือแย้งต่อหลักความเสมอภาคของบุคคลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 หรือไม่