ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ งาบหัวคิวแรงงานข้ามชาติฉาวโฉ่ ยุค "พิพัฒน์" ท้าทาย "พงศ์กวิน" รมว.ป้ายแดง ล้างบาง !
แรงงานข้ามชาติ-เงินไทย ใครได้? ใครงาบ? เป็นคำถามขึ้นมาพลันหลังจากที่กรมสอบสวนพิเศษ หรือ “ดีเอสไอ” เปิดเผยกรณี "ทุจริตการต่อใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าว"
มหากาพย์งาบหัวคิวต่างด้าวนี้ อยู่ในยุคที่ “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” จากพรรค "ภูมิใจไทย" เป็นรมว.แรงงาน
ด้วยเพราะกระทรวงแรงงานของไทย ได้มีประกาศกระทรวงแรงงาน ลว. 26 พ.ย.2567
"ผ่อนผัน" ให้มีการต่อใบอนุญาตทำงานให้กับแรงงานต่างด้าว สัญชาติเมียนมา กัมพูชา ลาว และเวียดนาม ที่จะครบกำหนดวันสิ้นสุดการอนุญาต ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568
ประกอบด้วย แรงงานเมียนมา 2,012,856 คน ,กัมพูชา 287,557คน, ลาว94,132 คน และ เวียดนาม 3,674 คน
โดยกำหนด "เงื่อนไขใหม่" ขึ้นมาว่า ผู้ที่จะต่อใบอนุญาตทำงานได้ ต้องได้รับการรับรองจากสถานทูต และนายหน้าจัดหางาน (AGENCY) จากประเทศต้นทางเสียก่อน จึงทำให้เกิดมี "ขบวนการเรียกรับเงิน" จากแรงงานต่างด้าว ที่ต้องการจะต่อใบอนุญาตทำงานดังกล่าว โดยแรงงานต่างด้าวแต่ละคน จะจ่ายเงินเพิ่มเติมจากค่าใช้จ่ายปกติตามที่ทางราชการกำหนด อีกรายละ 2,500 บาท !
หากไม่จ่ายเงินส่วนนี้ ก็จะไม่ได้รับการอนุมัติให้ต่อใบอนุญาต ทำให้แรงงานต่างด้าวเกิดความกลัวว่าจะถูกจับกุม จึงยอมทำตาม สร้างความเสียหายให้กับแรงงานต่างด้าว นายจ้าง และบริษัทผู้รับจ้างฯ ดำเนินการแทนนายจ้าง
เรียกว่า เปิดช่องโกงกันสนั่นหวั่นไหว ไม่กลัวฟ้าผ่า ดูท่าคดีนี้ต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ กระทรวงแรงงาน !
นี่คือ“ขี้กอ
โต” ในยุค “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รมว.แรงงาน ทิ้งเอาไว้ให้ดูต่างหน้า !?
ประเด็นอยู่ที่ “ระบบ” เปิดทางให้แก๊งงาบค่าหัว แรงงานต่างด้าวทำงานได้สบายบรื๋อ หากประเมินยอดเงินใต้โต๊ะ ที่เรียกเก็บแบบทุกหัว ได้ครบทั้งระบบ น่าจะจบอยู่ที่ ประมาณ 5,996–6,115 ล้านบาท เลยทีเดียว !
ชี้ชัดๆ ก็คือว่า ต้นทาง...ประกาศกระทรวงแรงงาน 26 พ.ย. 2567 ที่สั่งให้แรงงานต้องผ่านการรับรองจาก “สถานทูตและ เอเจนซี่” เพื่อจะต่อใบอนุญาต คนที่จ่าย 2,500 บาทได้ใบอนุญาต ใครไม่จ่าย...ก็นั่งรอไปเถอะ!
ปลายทางคือ... ขบวนการโกงที่ “ดีเอสไอ” พบมีตัวละครสำคัญชื่อ “กิตติพล หอวิจิตร” นายหน้าตัวเป้ง มีตำแหน่งแห่งที่ กับบริษัทจัดหางาน แถมมีสายสัมพันธ์กับข้าราชการแน่นปึ้ก!
พฤติการณ์การกระทำผิดที่ตรวจสอบพบหลักฐานเป็นในส่วนของแรงงานกัมพูชาที่ "กิตติพล" เป็นคนแจ้งข้อมูลไปยังนายจ้าง และแรงงานชาวกัมพูชาในความรับผิดชอบของตัวเอง ให้โอนเงินค่าหัวคิว รายละ 2,500-2,550 บาท แบบกินเปล่าผ่านบัญชีม้า !
วงเงินใต้โต๊ะที่หมุนเวียนผ่านบัญชีม้าเหล่านี้ พัวพันข้าราชการระดับสูงของ "อังเคิลฮุน" เช่น รองอธิบดีกรมแรงงาน กระทรวงแรงงานและฝึกอาชีพ , รองผู้อำนวยการฝ่ายการท่องเที่ยวและเทคโนโลยีสารสนเทศ, ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ประเทศกัมพูชา
ถามว่าแล้วฝั่งไทย รับด้วยหรือไม่ ?.. แน่นอน “ดีเอสไอ” พบว่า จากฝั่งเขมรโดยฝ่ายข้าราชการของอังเคิลฮุนเซนก็โอนผ่านบัญชีมากลับมาพิสูจน์ได้ชัดว่า ร่วมมือกันทุจริต
นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะปล่อยผ่าน แต่มันคือ "ระบบโกงแบบเชิงโครงสร้าง" ที่เริ่มจาก“นโยบาย” ที่เหมือนจะดี แต่ตั้งใจวางกับดัก ไว้ตั้งแต่แรก!
ฟังว่า...เคยมี "ผู้ใหญ่" เรียกคนในพรรคภูมิใจไทย ไปเตือนในเรื่องนี้ก่อนที่ “ดีเอสไอ” จะเข้ามาลุย ให้ยกเลิกนโยบายนี้เสีย เพราะมองเห็นช่องการทุจริตรูเบ้อเร่อ แต่รัฐมนตรีของภูมิใจไทย ก็เกิดอาการ “หูดับ”ซะงั้น ไม่ได้ยิน !
อย่าลืมว่า... “ดีเอสไอ” มีหลักฐานหมดแล้ว บัญชีม้า บัญชีโกง บัญชีโอนข้ามชาติ จากนี้จะมีข้าราชการ กับ นักการเมืองคนไหนต้องติดคุกหรือไม่ ? ต้องติดตาม
ที่แน่ๆ เป็นงานท้าทายของ "พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ" รมว.ป้ายแดง ที่ก้าวเข้ามารับตำแหน่ง รมว.แรงงาน แทน "พิพัฒน์" จะปัดกวาด ล้างบางมั้ย? หรือจะนั่งเฉยให้ขบวนการกินหัวแรงงานอยู่รอดปลอดภัยต่อไป !
คำถามที่ "พงศ์กวิน" ไม่ควรปล่อยผ่านคือ ใครได้ประโยชน์ จากโครงสร้างประกาศนี้ ? ใครสั่งให้ออกนโยบายนี้ ? และ "ภูมิใจไทย" จะรับผิดชอบกับความพินาศของระบบราชการไทย ครั้งนี้อย่างไร !?
รอพิสูจน์ฝีมือ รมว.แรงงานคนใหม่ ว่าจะ “เด็ดขาด” หรือ “ตามน้ำ” ซ้ำรอยรัฐมนตรีรุ่นพี่ๆ ลุงๆ !?
++ “ดร.หญิง” ลิณธิภรณ์ ดรามาแรง ขี่จรวดพรวดขึ้นนั่ง รมช.ศึกษาธิการ
พลันที่ “ดร.หญิง” ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ ได้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนใหม่ ก็มีดรามา ในโซเชียลฯ ว่าคนที่จะมาดูแลด้านการศึกษา แต่กลับใช้ภาษาไทยได้แย่มาก
มีการโพสต์ข้อความที่เขียนโดย “ดร.หญิง” พร้อมแต้มคำผิดให้เห็น แม้ข้อความจะไม่ยาวนัก แต่คำผิด เปรอะเต็มไปหมด
เรื่องนี้เจ้าตัวออกมายอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น พร้อมชี้แจงว่า เป็นการใช้แพลตฟอร์มผ่านระบบการพูด แทนการพิมพ์ด้วยมือ จึงทำให้มีการสะกดคำการใช้ภาษาไทยที่ผิดเพี้ยนไป ขอยอมรับในความผิดพลาดทั้งหมด และจะไม่ให้เกิดความผิดพลาดแบบนี้ขึ้นมาอีก
ล่าสุด มีดรามาอีกแล้ว คราวนี้เป็นภาพที่ “ดร.หญิง” ลิณธิภรณ์ ถ่ายคู่กับ “พี่โทนี่” หรือ “ทักษิณ ชินวัตร” เจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริง แบบแนบชิด หัวชนกัน สไตล์เดียวกับภาพปกนิตยสาร “คู่สร้าง คู่สม” ของ ดำรง พุฒตาล ยังไงยังงั้น
เหมือนจะบอกเป็นนัยว่า ตำแหน่ง รมช.ศึกษาธิการ นั้นท่านได้แต่ใดมา !!
งานนี้คนเข้าไปเมนต์กันตรึม
สำหรับ “ดร.หญิง” ลิณธิภรณ์ เป็นสาวราศีมังกร ปัจจุบันอายุ 47 ปี เดิมชื่อ “อรุณี กาสยานนท์” เป็นคนจังหวัดพิษณุโลก เรียนระดับมัธยมที่ โรงเรียนเฉลิมขวัญสตรี จ.พิษณุโลก จบปริญญาตรีและปริญญาโท รัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปริญญาเอก รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
เริ่มต้นอาชีพในแวดวงการศึกษา เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ คณะวิทยาการจัดการ ม.ราชภัฏพิบูลสงคราม และ อาจารย์พิเศษ ม.นเรศวร ก่อนจะเข้าสู่วงการสื่อ ในบทบาท นักวิเคราะห์ข่าวการเมือง ทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง Voice TV
จากนั้นก้าวเข้าสู่เวทีการเมือง ในปี 2562 โดยลงสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักษาชาติ ที่รวมคนหนุ่มสาวเสื้อแดง ซึ่งแตกหน่อมาจากพรรคเพื่อไทย แต่พรรคถูกยุบก่อนเลือกตั้ง จึงได้ย้ายมาทำงานกับพรรคเพื่อไทย โดยเริ่มที่ตำแหน่ง รองโฆษกพรรค , โฆษกพรรค , รองเลขาธิการพรรค เป็นที่ปรึกษาประจำ กมธ.การศึกษา สภาผู้แทนราษฎร
“ดร.หญิง”ได้เป็น สส.ครั้งแรก ในการเลือกตั้งปี 2566 นี่เอง โดยเป็น สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย
ถ้าส.ส. 2 สมัยได้เป็นรัฐมนตรี ซึ่งถือว่าเร็วแล้ว อาจจะเรียกว่า “ขึ้นลิฟต์” แต่กรณีของ “ดร.หญิง” นี่ ต้องเรียกว่า “ขี่จรวด” เพราะเร็วมาก แค่ ส.ส.สมัยแรก ก็ขึ้นเป็นรัฐมนตรีเลย
เห็นรูปคู่ของเธอกับเจ้าของพรรคแล้ว ทำให้หลายคนได้แต่มโน ว่า นี่คงเป็นเหตุผลที่ “ดร.หญิง” มาแรง แซงทุกโค้ง ชนิดที่ว่า หัวหงอก หัวดำในพรรคไม่มีใครบ่น ไม่มีใครโวย สักแอะ