ไม่ด่วน! “อิ๊งค์” สั่งทบทวนการส่งวัตถุโบราณอีก 20 ชืนให้เขมร ตามที่ ครม.ยุค "เศรษฐา" เคยมีมติไว้แล้ว เหตุงบฯ ไม่พอและไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนที่จะของบกลาง ขู่เอาผิดคนปล่อยเฟกนิวส์บอกส่งคืนแล้ว ยันกลุ่มปราสาทตาเมือนอยู่ในเขตอำนาจอธิปไตยของไทย
วันนี้ (4ก.ค.) เมื่อเวลา 13.05 น. ที่กระทรวงวัฒนธรรม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.วัฒนธรรม ประชุมร่วมกับผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมมอบนโยบายในการทำงาน ว่า มีเรื่องที่อยากฝากไว้และให้ช่วยกันผลักดัน และอยากฟังทุกคนว่าแต่ละหน่วยงานทำอะไรกันอยู่และอยากให้ทำอะไรเพิ่มเติมบ้าง โดยข้อแรกอยากชี้แจงตามที่มีข่าวปลอมในออนไลน์ เรื่องการคืนวัตถุโบราณ ข้อแรกตามที่ได้มีข่าวปลอมในออนไลน์ เรื่อง การคืนวัตถุโบราณจำนวน 20 ชิ้นให้กับทางกัมพูชา ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งการคืนวัตถุโบราณมีมาตั้งแต่สมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 ประเทศไทยได้ส่งคืนโบราณวัตถุแล้ว 23 รายการ หลังตรวจสอบว่าเป็นของกัมพูชา จากจำนวน 43 ชิ้นที่ลักลอบนำเข้าจากสิงคโปร์ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2543
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า วันที่ 21 พ.ค.2567 มติ ครม.รัฐบาลสมัยนายกฯ เศรษฐา มีมติเห็นชอบให้ส่งมอบโบราณวัตถุ 20 รายการแก่กัมพูชา ตามที่กระทรวงวัฒนธรรม เสนอ หลังจากกรมศิลปากร และคณะผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่าวัตถุโบราณมีต้นกำเนิดในกัมพูชา และปัจจุบัน อยู่ในขั้นตอนการจัดสรรงบประมาณของกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ในการจัดส่งคืน ซึ่งได้รับรายงานว่างบประมาณในปีปัจจุบันไม่เพียงพอในการขนส่ง และไม่เป็นเรื่องเร่งด่วนในการของบกลาง จึงอาจจะทบทวนเรื่องนี้ ต้องส่งเรื่องเพื่อขอตั้งงบประมาณของกระทรวง และรายงานต่อครม.เพื่อทราบ ในการหาหน่วยงาน หรือที่มาของงบประมาณ ที่จะจัดสรรงบประมาณต่อไปในการส่งคืน
“ที่สำคัญเนื่องด้วยสถานการณ์ไทยกัมพูชา ทางกระทรวงวัฒนธรรม จึงมีความเห็นในการทบทวนเรื่องดังกล่าวตามความเหมาะสมต่อไป บทสรุปคือ ทบทวนก่อนแล้วค่อยว่ากันเรื่องตั้งงบ ที่เหลืออยู่ยังไม่ส่งคืนก่อน"
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า การปล่อยข่าวปลุกปั่นต่างๆ ที่ทำให้เกิดผลเสียและเกิดผลกระทบ ตนจะดำเนินการแจ้งความกับผู้ปล่อยข่าวดังกล่าว ส่วนความเห็นเป็นเรื่องว่ากล่าวธรรมดา ตนเป็นนายกฯเป็นบุคคลสาธารณะ เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วไม่มีปัญหาแต่การปล่อยข่าวเรื่องตนเองส่งวัตถุโบราณไปแล้ว ทางกระทรวงทราบอยู่แล้วว่าไม่จริง ฉะนั้นเรื่องนี้ก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย และกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ยังไม่ได้มารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ประเด็นเรื่องโบราณสถานในกลุ่มปราสาทตาเมือน กระทรวงวัฒนธรรม ขอยืนยันว่ากลุ่มปราสาทตาเมือน เป็นโบราณสถานที่อยู่ในอำนาจอธิปไตยของไทย และมีการประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถาน ตามกฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน พ.ศ.2505 แล้ว ในส่วนพื้นที่พิพาทอื่น ได้รับรายงานจากกระทรวงการต่างประเทศว่า จะเร่งดำเนินการในการรักษาไว้ซึ่งดินแดน และอำนาจอธิปไตยของไทยเช่นกัน
รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่อยากทำ นอกจากเรื่อง Soft Power คือเรื่องสิทธิประโยชน์เรื่องการคืนเงินให้กับต่างชาติที่เข้ามาถ่ายทำภาพยนต์ ด้วยการคืนเงินสูงสุด 30% จึงอยากทำให้คนไทยที่ทำหนังกันเอง สนับสนุนหนังไทยให้ไปไกลได้มากกว่านี้ วันนี้จะมารับรู้รายละเอียดจากกระทรวงวัฒนธรรมว่าเป็นอย่างไรบ้าง ติดขั้นตอนใดบ้างและมีเรื่องอะไรที่จะควรสนับสนุนต่อเนื่อง และอยากจะส่งเสริม Soft Power ของไทยโดยเฉพาะหนังไทยให้ไปไกลมากยิ่งขึ้น โดยมีโปรดักส์และวัฒนธรรมต่างๆด้วย ซึ่งจะเป็นรูปแบบ Soft Power ที่จะนำเรื่องดีๆ ของไทย การสนับสนุนจะได้ง่ายขึ้น
ส่วนเรื่อง อุตสาหกรรม Soft Power อาหาร มวยไทย คิดว่าในสื่ออุตสาหกรรมนี้ สามารถที่จะยกระดับอุตสาหกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจ และส่งเสริมการท่องเที่ยวสร้างงานไปด้วยอย่างรวดเร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมที่จะเกี่ยวข้อง เรื่องท่องเที่ยวที่พัก ร้านอาหาร โรงแรม สามารถผูกกันเข้ามาได้ด้วยอันไหนสามารถเชื่อมโยงได้ก็ยินดีที่จะสนับสนุนและส่งเสริมทั้งเอกชนและภาครัฐ ยินดีอย่างยิ่งที่ได้เจอ และวันนี้จะมาลงในเรื่องการทำงานเพื่อให้งานเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
