กมธ.กาสิโน สว. จ่อเชิญ “แพทองธาร” แจงข้อสงสัย 12 ประเด็น 17 ก.ค. นี้ บอกไม่มาไม่เป็นไร ขอให้ตอบคำถาม ไม่คิดจะใช้กฎหมายคำสั่งเรียก
วันนี้ (30 มิ.ย.) ที่รัฐสภา นพ.วีระพันธ์ สุวรรณามัย สว. ฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ว่า กมธ. เตรียมเชิญ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ร่วมประชุมกับ กมธ. ในวันที่ 17 ก.ค. นี้ เพื่อให้ข้อมูลข้อเท็จจริงและร่วมแสดงความเห็น อย่างไรก็ดี คาดว่า นายกฯ อาจไม่มาด้วยตนเอง กมธ. จึงได้ตั้งประเด็นคำถาม เพื่อให้ น.ส.แพทองธารร ได้ชี้แจงตามที่ กมธ.สงสัยในหลายประเด็น เช่น การเปิดสถานบันเทิงครบวงจร จำนวนของสถานที่เปิดสถานบันเทิงครบวงจรมีกี่แห่ง ซึ่งในแนวคำถามจะเป็นการถามเพื่อให้ตอบว่าใช่หรือไม่
นพ.วีระพันธ์ กล่าวต่อว่า จากการประชุมของ กมธ.ที่ผ่านมา ซึ่งได้เชิญภาคเอกชนเข้าร่วมประชุม ได้ทราบข้อมูลหลายด้านว่า รัฐบาลเตรียมดำเนินการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร รวม 5 แห่ง และมีขนาดพื้นที่แตกต่างกัน รวมถึงเอกชนยังได้ทำการสำรวจประมาณการณ์รายได้และการประกอบธุรกิจไว้แล้ว ขณะที่ตัวแทนของรัฐบาลที่มาชี้แจงกลับไม่มีคำตอบในรายละเอียดที่ชัดเจน จึงเป็นข้อสงสัยว่าภาคเอกชนมีข้อมูลอินไซด์ หรือ ได้ประสานงานกับฝ่ายใดของรัฐบาลมาแล้วหรือไม่
“กมธ. ไม่ได้บังคับว่านายกฯ จะต้องมาชี้แจง และไม่คิดจะใช้กฎหมายคำสั่งเรียก หากไม่มาไม่เป็นไร ทั้งนี้ต้องการให้นายกฯ ได้ตอบในประเด็นคำถามของกมธ.ที่ส่งไปพร้อมกับจดหมายเชิญด้วย” นพ.วีระพันธ์ กล่าว
นพ.วีระพันธ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับการทำงานของ กมธ. นั้น เบื้องต้นในวันที่ 7 ก.ค. นี้ กมธ.จะรายงานผลการศึกษาเบื้องต้นต่อที่ประชุมวุฒิสภา ซึ่งข้อสงสัยและข้อน่ากังวลที่ได้จากการศึกษามาก่อนหน้านี้ และหลังจากนั้นจะพิจารณาเนื้อหาของรายงานและรอให้นายกฯ ให้คำตอบมาในวันที่ 17 ก.ค. ก่อนจะทำรายงานฉบับสมบูรณ์เพื่อเสนอต่อวุฒิสภาในช่วงไม่เกินเดือน ส.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่รัฐบาลถอยร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ... ออกจากการประชุมสภา จะเป็นผลดีหรือไม่ นพ.วีระพันธ์ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ดี เพื่อให้ได้พิจารณาศึกษารายละเอียดให้รอบคอบ และรอผลการศึกษาของกมธ.วุฒิสภา ที่จะนำเสนอต่อวุฒิสภาต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคำถามของ กมธ.ที่เตรียมส่งให้ นายกฯ มีทั้งสิ้น 12 ประเด็น อาทิ 1. การประมาณการรายได้จากการประกอบกิจการกาสิโนภายในสถานบันเทิงครบวงจร จะมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นรายได้ 90% ของรายได้ทั้งหมดของโครงการ
2. การอนุญาตจัดตั้งบ่อนกาสิโนในสถานบันเทิง 5 แห่ง รัฐบาลมีแนวทางทำหรือไม่
3. การเวนคืนที่ดินของการท่าเรือแห่งประเทศไทยที่คลองเตย ได้แจ้งวัตถุประสงค์ว่านำไไปทำโครงการสถานบันเทิงครบวงจรรวมถึงบ่อนกาสิโน หรือไม่
4. พบข้อมูลว่าเอกชนได้ศึกษาความเป็นไปได้ของธุรกิจโครงการบ่อนกาสิโน พบว่า ต้องมีผู้เล่นเป็นคนไทย 50% หรือเฉลี่ยวันละ 4หมื่นคน เสียเงินจากการเล่นวันละ 1.2 หมื่นบาทต่อ มีข้อเท็จจริงหรือถูกต้องหรือไม่
5. แนวทางของรัฐบาลต่อการใช้เทคโนโลยีควบคุม ตรวจจับการฟอกเงิน เพื่อป้องกันผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับกิจกรรมการพนันที่อาจเกิดผลประโยชน์ทับซ้อน
6. มาตรการสร้างความเชื่อมั่นต่อสังคมกับการดูแล ตรวจสอบ การกระทำผิดที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่บ่อนกาสิโน เช่น ฟอกเงิน หลอกลวงออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลุ่มสแกมเมมอร์และการค้ามนุษย์ เป็นต้น
7. แนวทางกำกับดูแลและตรวจสอบการออกใบอนุญาต อัตราภาษี ค่าตอบแทนของผู้ประกอบการบ่อนกาสิโนที่เสี่ยยงต่อการเกิดผลเสียหายต่อประเทศชาติ
8. มาตรการป้องกันไม่ให้ธุรกิจกาสิโนกลายเป็นปัจัยซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจของประเทศ และภาวะทางลบ
9. ข้อมูลและการตัดสินใจของรัฐบาลต่อการเปิดบ่อนกาสิโนและสถานบันเทิงครบวงจรเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว
10. ผลกระทบต่อสังคมและความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจในประเด็นการเลือกทำเลที่ตั้งของการทำธุรกิจกาสิโนและสถานบันเทิงครบวงจร
11. รัฐบาลได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากประเด็นที่มีบุคคลบางกลุ่มติดต่อประสานงานกับนักลงทุนหรือผู้ประกอบการจากต่างประเทศไไว้ล่วงหน้า เพื่อให้เข้ามาทำสถานบันเทิงครบวงตรไว้ล่วงหน้าเสมือนเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งพบความเชื่อมโยงกับบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มีผลประโยชน์กับนักลงทุนหรือไม่
และ 12. ร่าง พ.ร.บ.เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ พบเนื้อหาที่ให้ความสำคัญกับกิจการบ่อนกาสิโนเป็นองค์ประกอบหลักอย่างชัดเจน ดังนั้นเพื่อความโปร่งใส ตรงไปตรงมา และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องกับประชาชน รวมถึงเพื่อสามารถทำประชามติได้ ควรปรับปรุงชื่อร่างเป็นร่าง พ.ร.บ.ธุรกิจบ่อนกาสิโนและสถานบันเทิงครบวงจรหรือไม่