ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ ลิ่วล้อทักษิณ “สุทิน-เด็จพี่-ดนุพร-จิรายุ-จิราพร” รักนายมากกว่ารักชาติ !?
ปรากฏการณ์การชุมนุมของมหาชน บนถนนรอบ "อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ" เมื่อวันเสาร์ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา นอกจากประวัติศาสตร์จะต้องจารึกเอาไว้ว่า เป็นการแสดงพลังของประชาชนที่ "รักชาติ-แผ่นดิน" ที่ยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่ง ยังสะท้อนให้เห็นว่า ปวงชนชาวไทย ล้วนมีจิตสำนึกหวงแหน และพร้อมจะปกป้องอธิปไตยไม่ให้ใครมาหยามลบหลู่เกียรติ ศักดิ์ศรีคนไทย-ชาติไทย
แน่นอนว่า คนที่เริ่มต้นให้ประชาชนอดรนทนไม่ไหว ต้องออกมาแสดงพลังคือ "แพทองธาร ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี ที่ถูก "ฮุนเซน" ปล่อยคลิปสนทนา "อังเคิล กับหลาน" ที่เนื้อหาใครฟังก็รู้สึกถึงการ "ขายชาติ" ยอมศิโรราบให้เขมร ให้ “ฮุนเซน” แบบไร้ศักดิ์ศรีของผู้นำ
ถึงขนาดเรียกแม่ทัพของตัวเอง เป็นฝ่ายตรงข้าม! หยามกองทัพหยามศักดิ์ศรี ที่ "อังเคิล" ต้องการอะไร จะจัดการให้! ..แค่นี้ก็เกินจะรับไหว หมดความชอบธรรมที่จะนั่งบริหารประเทศ
นี่คือที่มาของเสียงเรียกร้องให้ "นายกฯ ลาออก-ยุบสภา" เพื่อแสดงความรับผิดชอบ แต่ “แพทองธารและพรรคร่วม” ก็ยังไร้จิตสำนึก ตะแบงตอบคำถาม และยังจะไปต่อ
ม็อบประชาชน วันที่ 28มิ.ย. จึงออกมามืดฟ้ามัวดิน ซึ่งพลังดังกล่าวสะท้านสะเทือนไปถึงรัฐบาล ให้เกิดหวั่นไหว โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยของ "ทักษิณ ชินวัตร" พ่อนายกฯ ที่อยู่เบื้องหลังแพทองธาร
เห็นได้จากบรรดา "ลิ่วล้อ" ของทักษิณ ต่างเรียงหน้ากระดานชิงพูดเอาใจนาย เอาใจลูกสาวนาย จัดการแปลงสาร ของม็อบประชาชน ให้กลายเป็นม็อบเรียกร้อง "รัฐประหาร"
ทั้งหัวหงอกหัวดำ ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง ชิงพูดกันเอาหน้า สาธยายด้วยสำนวนโวหารนักการเมือง ประเภท "ยางมะตอย" ยังเรียกพี่
ไล่เรียงไปตั้งแต่ สุทิน คลังแสง- ดนุพร ปุณณกันต์ - "เด็จพี่" พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ -จิรายุ ห่วงทรัพย์- จิราพร สินธุไพร
ต่างคนพูดร้อยเนื้อ แต่ทำนองเดียวกันว่า "กวักมือเรียกทหารปฏิวัติ" ทำไม ทำชาติถอยหลังเข้าคลอง
อย่าเอาคลิปเสียงนายกฯ กับฮุนเซน มาเป็นเงื่อนไขในการปฏิวัติ
รัฐบาลต้องอยู่เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชน
ถ้านายกฯ จะลาออก ต้องฟังเสียงคนทั้งประเทศ ไม่ใช่แค่คนกลุ่มเดียว!
ฟังแล้วก็อนาถใจ นักการเมืองเหล่านี้ มีปากก็สักแต่พูด ไม่มีจิตสำนึกรักชาติแล้วยังแสดงธาตุแท้ที่ทำทุกอย่างให้ "นาย" มากกว่าทำให้ชาติ-ประชาชน
เหตุผลของการออกมาแสดงพลังเขาก็บอกอยู่แล้วว่า "ไม่มีใครต้องการให้เกิดการรัฐประหาร" ยืนยันให้ "นายกฯลาออก-ยุบสภา"
ประดา "ลิ่วล้อ" ของทักษิณเหมือนไป "หลอน" อะไรมา เอาจริงๆ ถ้าทหารจะปฏิวัติ ก็ปฏิวัติเพราะเงื่อนไขที่รัฐบาลพวกเพื่อไทย หรือ แพทองธาร ทำตัวเองทั้งสิ้น!
ประชาชนไม่มีใครไปเรียกร้องอยู่แล้ว! นี่นอกจาก "บิดเบือน" การแสดงพลังไล่นายกฯ ยังกล่าวหาประชาชนสร้างเงื่อนไขให้ทหารปฏิวัติ
คนอย่าง "สุทิน-เด็จพี่-ดนุพร-จิรายุ-จิราพร" สติปัญญา ก็ใช่ว่าจะไม่มี แต่เมื่อเป็น "ลิ่วล้อ" ให้ "ทักษิณ" ใช้งาน จิตสำนึกก็เลยหายไปกับการรับใช้นายหรือไม่!
สิ่งที่นายกฯทำและพูดในคลิปกับอังเคิลฮุนเซน ของพรรค์นี้ วันนี้ "สุทิน-เด็จพี่-ดนุพร-จิรายุ-จิราพร" ทำเป็น "บอด ใบ้ บี้" ได้เพราะ "รักนาย" มากกว่า "รักชาติ"
แต่ประชาชนทั้งหลายทั่วแผ่นดินเขากินข้าว ไม่ได้กินแกลบ คนมีปัญญาเขารู้เช่นเห็นชาตินักการเมืองประเภทนี้อยู่แล้ว จริงๆ ไม่จำเป็นต้องให้พูดกันมาก
เพียงแต่อยากเตือนสติ "สุทิน-เด็จพี่-ดนุพร-จิรายุ-จิราพร" วันข้างหน้าหากลูกหลานถามว่า นอกจาก รักทักษิณ เชลียร์นาย เคยรักชาติ รักแผ่นดินบ้างไหม? จะตอบพวกเขาอย่างไร!
++ จับตา 1 ก.ค. ชี้ชะตา “อิ๊งค์” จะถูกศาลรธน. สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ หรือไม่
เป็นที่รับรู้กันว่า รัฐบาลได้นำรายชื่อ “ครม.แพทองธาร 2” ขึ้นทูลเกล้าฯแล้ว โดยมีรายงานข่าวว่ารอบนี้ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม ด้วยข้ออ้างจะได้ผลักดันงาน “ซอฟต์เพาเวอร์”
ขณะเดียวกัน ก็มีเสียงวิพากวิจารณ์ตามมาว่า นั่นเป็นแทกติกที่เตรียมไว้ หากนายกฯถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็ยังสามารถเข้าร่วมประชุมครม.ได้ ในฐานะ รมว.วัฒนธรรม
“นายกฯอิ๊งค์” จะถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ หรือไม่?! มาจากกรณี “คลิปเสียง” ที่แอบเจรจากับ “ฮุนเซน”
โดยสมาชิกวุฒิสภา 36 คน เข้าชื่อกัน ยื่นเรื่องต่อประธานวุฒิสภา เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาถอดถอน “แพทองธาร ชินวัตร” จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และขอให้มีคำสั่งให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลรธน.จะมีคำวินิจฉัย
เนื่องจากปรากฏหลักฐานชัดแจ้งว่า “นายฯอิงค์” มีความสัมพันธ์ส่วนตัว และแอบเจรจากับ “ฮุนเซน” ในลักษณะเป็นภัยภัยต่อความมั่นคง อาณาเขตไทย และอำนาจอธิปไตยของไทย อันก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง และยากแก่การเยียวยาในภายหลัง หากยังปล่อยให้ปฏิบัติหน้าที่
ขณะนี้ “มงคล สุระสัจจะ” ประธานวุฒิสภา ได้ยื่นเรื่องไปถึงศาลรัฐธรรมนูญแล้ว และ “นครินทร์ เมฆไตรรัตน์” ประธานศาลรธน. ได้ให้สัมภาษณ์แล้วว่า วันอังคารที่ 1 ก.ค.นี้ ศาลรัฐธรรมนูญ จะมีการนัดประชุม เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว
มาดูเงื่อนไขว่า ศาลรธน.จะรับเรื่องนี้ไว้พิจารณาหรือไม่ ... “จรัญ ภักดีธนากุล” อดีต ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ บอกว่า อันอับแรก ต้องดูว่าการยื่นเรื่องเข้ามานั้น ถูกต้องตามช่องทางของกฎหมายหรือไม่ และ สอง ศาลรธน.ต้องมีขอบเขตอำนาจ ในการรับพิจารณาคำร้องดังกล่าวเอาไว้
คำร้องนี้ สว.เกินหนึ่งในสิบของจำนวนที่มีทั้งหมด คือ 200 คน ได้ยื่นเข้ามาในเส้นทางที่ รธน.บัญญัติเอาไว้ชัดเจน ก็ถือว่า ผ่านองค์ประกอบข้อที่ 1
คำถามต่อมา คำร้องของ 36 สว.ที่ส่งถึงศาลรธน.นั้น ขอให้ศาลฯมีคำสั่งเรื่องใด? คำตอบคือ ขอให้ศาลฯมีคำวินิจฉัยใน 2 ข้อ คือ
1. ให้ความเป็นรัฐมนตรีของ “แพทองธาร ชินวัตร” สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตาม รธน. มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5)
2. ให้มีคำสั่งให้ “แพทองธาร ชินวัตร” หยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลรธน.จะมีคำวินิจฉัย
โดยหลักกฎหมายแล้ว เชื่อว่าศาลรธน. จะมีคำสั่งให้รับคำร้องนี้ไว้พิจารณา
ส่วนเรื่องการสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวนั้น หากฟังรายละเอียดของการพูดคุย เจรจาแล้วจะเห็นว่า มีตอนที่สำคัญ เช่น
... "ไม่อยากให้ uncle (อา) ไปฟังคนที่เป็นฝั่งตรงข้ามกับเรา เพราะว่าพอไปฟังฝั่งตรงข้ามอย่างพวกแม่ทัพภาค 2 อย่างเนี้ยค่ะ เป็นคนของฝั่งตรงข้ามหมดเลย ซึ่งพอไปฟังอย่างนั้นเสร็จ ก็ไม่อยากให้ท่านรู้สึกไม่ชอบใจ หรือว่าโกรธ เพราะจริงๆ แล้วไม่ใช่ความตั้งใจของเราเลยค่ะ" ... "เขาอยากจะดูเท่ เขาก็พูดอะไรออกมาที่มันไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติค่ะ"
..."บอกว่าจริงๆ แล้วถ้าท่านอยากได้อะไร ก็ให้ท่านบอกมาได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะจัดการให้"... "จริงๆ แล้วท่านจะเอาอะไรจริงๆ ให้บอกอิ๊งค์ได้เลย ยกหูบอกก็ได้ อันไหนไม่เป็นข่าว ก็คือไม่เป็นข่าว อันนั้นที่หลุดไป มันหลุดเพราะสื่อ เพราะไม่ได้คุยกับอิ๊งค์แค่ 2 คน มันคุยกันเป็นกลุ่มนะพี่ มันเลยหลุดน่ะ แต่ถ้าคุยกับอิ๊งค์ 2 คน มันไม่มีหลุดอยู่แล้ว"...
ประเด็นเหล่านี้ ที่ศาลฯ อาจพิจารณาว่า เข้าเงื่อนไข ตามที่มีการร้องเรียนมา และ จะนำไปสู่การสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว จนกว่าศาลฯ จะมีคำวินิจฉัยก็ได้
จึงต้องติดตามว่า วันที่ 1 ก.ค.นี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งออกมาอย่างไร
และหากศาล รธน. มีคำสังให้ “แพทองธาร” พักการปฏิบัติหน้าที่ จะยังสามารถเข้าร่วมประชุมครม. ในฐานะรมว.วัฒนธรรม ได้หรือไม่
ประเด็นนี้ “สมชาย แสวงการ” อดีต สว.มีความเห็นว่า จะเอาไปเที่ยบกับกรณี “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เคยถูกศาลฯ สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ตอนที่ถูกร้องว่า เป็นนายกฯมาครบ 8 ปีแล้วหรือไม่ แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ รมว.กลาโหมได้ เพราะ ศาลให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เฉพาะในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อรอการวินิจฉัยเรื่อง 8 ปีเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยคุณสมบัติอื่น “ลุงตู่” จึงทำหน้าที่ รมว.กลาโหม ต่อไปได้
แต่กรณีของ “แพทองธาร” ถูกร้องว่า ขาดคุณสมบัติ หรือ มีลักษณะต้องห้าม ตามรัฐธรรมนูญ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ประจักษ์ และมีพฤติกรรมประพฤติผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง
ดังนั้น หากศาลฯ สั่งให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อน นั่นหมายความว่า ต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งในฐานะนายกรัฐมนตรี และ รมว.วัฒนธรรม ไปด้วยพร้อมกัน
ต้องติดตามว่า สุดท้ายแล้วเรื่องนี้จะมีข้อสรุปอย่างไร และอีกประการคือ การโปรดเกล้าฯ “ครม.แพทองธาร 2” กับ การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ อย่างไหนจะมาก่อนกัน