"จตุพร" กล่าวปราศรัยปิดท้าย ลั่นยกระดับแน่ ถ้า 1 ก.ค.ศาลรัฐธรรมนูญสั่งนายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่แล้วยังไม่สำนึก จะทำความชั่วต่อ จากเรียกร้องลาออก ถอนตัว จะกลายเป็นไล่สถานเดียว ไล่ทั้งเรือ ไล่ทั้งโจร ไล่ทั้งพาย เผยปัญหาดินแดนทำให้พี่น้องที่เคยทำสงครามสีเสื้อได้เห็นว่านักการเมืองไม่ว่สีเสือ้ไหนก็คบไม่ได้ ประชาชนควรรวมกันเป็นหนึ่งเดียวปกป้องอธิปไตย ไม่เช่นนั้นจะเสียชาติ
เมื่อเวลา 20.50 น. วันที่ 28 มิถุนายน ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นายจตุพร พรหมพันธ์ุ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ขึ้นกล่าวปิดปราศรัยปิดป้ายการชุมนุม "รวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตย" โดยยกบทกลอนว่า ”รวมพลังหลั่งไหล ดั่งสายธาร ปกป้องบ้านปกป้องเมืองของเราไว้ แผ่นดินไทยอธิปไตยคือหัวใจ ไม่ยอมให้มันผู้ใดรุกรานเรา“ พร้อมกล่าวว่า ขอบอกเป็นปริญญาแห่งอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิว่า แผ่นดินนี้จะไม่ยอมเสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว อธิบายเรื่องการเสียดินแดนก็เจ็บใจทุกครั้ง ประวัติศาสตร์ในอดีตที่เราแพ้พม่าเพราะเราไม่จัดการคนขายชาติ เราจึงแพ้ ซึ่งวันนี้มีประสบการณ์แล้ว ดังนั้นต้องจัดการคนขายก่อน “ถ้ากรุงศรีอยุธยาจับคนขายชาติประหารก่อน กรุงศรีก็ไม่แตก ถ้าไม่จัดการคนขายชาติก็ไม่มีชาติให้เหลือ“
นายจตุพร กล่าวอีกว่า นายกฯ ไม่ฟังเสียงของประชาชน กรณีคลิปเสียง ตนก็บอกแล้วว่ามันบาดหัวใจ เป็นเรื่องที่คนไทยไม่อาจรับได้ บ้านเมืองเราโชคดีที่สุด หากตระกูลชินวัตรไม่ทะเลาะกับตระกูลฮุน เราก็ยังโง่ แต่บัดนี้เราหูตาสว่างแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมา การกลับมาของนายทักษิณ สิ่งหนึ่งที่เราได้อย่างแน่นอนคือ คนไทยได้เห็นตัวตนของนายทักษิณ
นายจตุพร เผยต่อว่า เมื่อนักการเมืองตระบัดสัตย์ข้ามขั้ว ไม่ว่าสีใดก็ไม่เคยเห็นหัวประชาชน เพราะถ้าคิดถึงประชาชนคงไม่ตระบัดสัตย์ แต่ความต้องการของพวกนี้คือให้ประชาชนทะเลาะกัน แล้วมันก็ไปจับมือกัน และเมื่อข้ามขั้วกันแล้วก็ทยอยฆ่ากันเอง พรรคพลังประชารัฐโดนคนแรก พรรคภูมิใจไทยถอนตัวไปก่อน แต่พรรครวมไทยสร้างชาติ ยังหาทางรวมไม่ได้จนถึงวันนี้ มีความสุขกับสมบัติแบ่งกันชม ไทยจะเสียดินแดนก็ไม่เกี่ยว ได้ตำแหน่งไว้ก่อน ดังนั้นเราไม่ขอไว้ใจใคร ขอให้ไว้ใจพวกเราเอง หากอยากให้ประเทศชาติดีขึ้น เราต้องเป็นผู้กำหนด
ส่วนที่มีคนบอกว่า วันนี้คนมาแค่ 3,000 คน ตนก็บอกว่าพอแล้ว พอพวกที่เราจะจัดการมีแค่ 500 คน มันบอกว่าจุดไม่ติด ตนก็บอกว่าไม่ต้องจุดก็ติดให้พรึบ เป็นการส่งสัญญาณเตือนถึงรัฐบาล และบอกประชาชนว่าเตรียมรองเท้าผ้าใบ และเสื้อผ้าให้พร้อม และมาปักหลักค้างคืนยาวนาน จนกว่ารัฐบาลจะออกไป
“กัมพูชานักรบ ของเราส่งเนตรนารีไปสู้ แล้วไม่รู้สึกรู้สา วันแรกบอกนึกไม่ถึงว่าถูกบันทึกการสนทนา วันต่อมาพูดใหม่ ขออภัย แต่วันต่อมาบอกว่าประเทศไม่เสียหาย” พร้อมตะโกนเสียงดังว่า “เสียโว้ย เสียเกียรติภูมิประเทศไทย“
นายจตุพร กล่าวอีกว่า บัดนี้เลยเวลาการปฏิรูปมาแล้ว ต้องปฏิวัติชำระล้างแผ่นดินให้สะอาด แต่ไม่ใช่การรัฐประหาร แต่ปฏิรูปก็ขัดไม่ออกต้องล้างขนาดใหญ่ ต้องชำระล้างให้สะอาด และวันนี้ประชาชนควรรวมหัวใจเป็นหนึ่งเดียว เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ ถ้าแตกแยกก็เสียชาติ
นายจตุพรกล่าวอีกว่า เราจะชุมนุมกันอีกเมื่อไหร่นั้น ถ้าศาลรัฐธรรมนูญสั่ง น.ส.แพทองธารยุติปฏิบัติหน้าที่แล้วยังไม่สํานึก และพร้อมจะทําชั่วต่อไป เราจะประกาศยกระดับไม่เรียกร้องลาออกให้ถอนตัว แต่จะขับไล่สถานเดียว ไล่ทั้งเรือทั้งโจร ทั้งพายเลย
ต่อมาถ้าเอาเรื่องเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ แล้วก็ปล่อยให้การพนันออนไลน์ถูกต้องตามกฎหมาย เรื่องการขายที่ดิน 99 ปีให้ต่างชาติ สร้างแลนด์บริดจ์ในภาคใต้เวนคืน 300,000 ไร่ให้ต่างชาติ 99 ปี เหมือนมีประเทศซ้อนประเทศอยู่ที่ภาคใต้ตนจะไม่ยอมอย่างแน่นอน
“บ้านเมืองมันจะมีอะไรครับ สกปรกโสมม ผมพูดเมื่อวันก่อนว่าบัดนี้เราเลยการปฏิรูปกันไปแล้ว มันต้องปฏิวัติชําระล้างในแผ่นดินให้สะอาดขึ้นใช่ไหม การปฏิวัติชําระล้างไม่ใช่การรัฐประหาร แต่ความเสื่อมโทรมของชาติปฏิรูปมันก็ขัดไม่ออก มันต้องล้างอย่างขนานใหญ่
“เราเป็นประเทศที่มีความโปร่งใสลําดับที่ 107 ของโลก คะแนนเต็ม 100 เราได้ 34 ระบบการเมืองที่ซื้อกันทุกระดับ มันควรจะหมดไปจากประเทศไทยได้แล้ว กระบวนการยุติธรรม คดีทุจริตไม่ติดคุกสักวันเดียว จะต้องเอามากลับมาติดคุกให้เป็นแบบอย่างในขบวนการยุติธรรมของชาติ
“ผมเรียนกับพี่น้องว่าเรามีเรื่องราวมากกันเหลือเกิน ผมวาดหวังกันว่ากรณีพิพาทเรื่องดินแดนนั้นจะทําให้คนไทยไม่ว่าที่ผ่านมาเราต่อสู้ในเรื่องสงครามสีเสื้อ บัดนี้ก็พิสูจน์แล้วว่านักการเมืองแต่ละสีเสื้อคบไม่ได้ วันนี้ ประชาชนควรรวมหัวใจเป็นหนึ่งเดียวเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ ถ้าเราแตกแยกสามัคคีเราก็เสียชาติ
“เบื้องต้นจับมือไล่แพทองธาร ชินวัตร ออกไปเสียก่อน ผมเรียนกับพี่น้องว่าวันนี้ผมมีความหวัง หลายคนก็ลุ้นว่าคนไทยจะมากันหรือไม่ เพราะผมกลัวอายกัมพูชากัมพูชามันขนมาเกทับ แต่บัดนี้ของจริงอยู่ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเป็นที่เรียบร้อย ให้ทหารสบายใจ แนวหลังเข้มแข็งไว้ ต้องการอะไรให้บอกมา เราพร้อมจะสู้ไปด้วยกันในแผ่นดินรัชกาลที่ 10 ไม่เสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว” นายจตุพรกล่าว
ทั้งนี้ ภายหลังนายจตุพรปราศรัยจบ ผู้ชุมนุมพร้อมแกนนำได้ร้องเพลง "บ้านเกิดเมืองนอน" พร้อมกัน และปิดท้ายด้วยเพลงสรรเสริญพระบารมี หลังจากนั้นแกนนำบนเวทีได้ถ่ายภาพร่วมกับผู้ชุมนุมที่เปิดไฟจากโทรศัพท์มือถือพร้อมกันเพื่อความสวยงาม โดยระกว่างการถ่ายนั้น นายธนิสร์ ศรีกลิ่นดี ศิลปินแห่งชาติ ได้เป่าขลุ่ยคลอไปด้วย จนกระทั่งการชุมนุมได้ยุติลงโดยสมบูรณ์เมื่อเวลาประมาณ 21.45 น.
